ปมร้อนข่าวลึก
“เนวิน” สั่งลุย เอาคืน ดีเอสไอ -กกต.
หลังพักตั้งหลัก3-4 วันเพราะติดวันหยุดยาวราชการ พืชมงคล-เสาร์-อาทิตย์-ชดเชยวิสาขบูชา แต่เปิดทำการมาวันอังคาร ต้องจับตา แผนตั้งรับและโต้กลับของ”สว.สีน้ำเงิน”หลังโดน ดีเอสไอ -คณะอนุกรรมการไต่สวนกกต.รุกหนัก ถึงขั้นส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไปติดหมายเรียกหน้าบ้านสว. บางคน ให้ไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้งสว. เรียกว่า ทำให้อับอายทางการเมือง เพราะเล่นไปติดหมายหน้าบ้านแล้วถ่ายรูปส่งให้สื่อมวลชนเอาไปเสนอข่าว แบบไม่ไว้หน้า
แถมสว.55 ชื่อที่ถูกดีเอสไอ-อนุฯกกต. แจ้งข้อกล่าวหา ก็ล้วนแล้วแต่ระดับ”บิ๊กสว.”ไม่ว่าจะเป็น “เฮียหมง มงคล สุรัจสัจจะ ประธานวุฒิสภา”-“พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง”และแกนนำสว.สีน้ำเงินอีกหลายสิบคนที่เป็นระดับประธานคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภานับสิบคน
แบบนี้มีหรือ”เนวิน ชิดชอบ”จะไม่แค้น กัดฟันกรอดๆ ที่โดนคู่ปรับเก่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนที่เคยไล่บี้ ครอบครัวชิดชอบ สมัยเป็นฝ่ายค้านอย่างหนัก ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดงและหุ้นนอมินี ของน้องชาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รอบนี้มาเจอกันเป็นคู่แค้น ทางแคบ มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ ทวี ก็ยังไม่เกรงใจเนวินและภูมิใจไทย เพราะไฟเขียวให้ลูกน้องในดีเอสไอไล่อัดสว.สีน้ำเงิน ที่อยู่ในคอนโทรลของเนวิน แบบไม่ไว้หน้า มองแล้ว ยังไง เนวิน-สว.สีน้ำเงิน ต้องมีสวนกลับ เอาคืน ทั้งต้นทั้งดอก แน่นอน
“สมศักดิ์” มติแพทยสภา เขย่า เก้าอี้ รมว.สาธารณสุข
เรื่องผลสอบและมติแพทยสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ให้ลงโทษ 3 หมอที่เกี่ยวข้องกับ การส่งตัวและรักษาทักษิณ ชินวัตร
กระบวนการต่อจากนี้ วัดใจ”สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข”ในฐานะ “สภานายกพิเศษ แพทยสภา”กันแล้วว่า หลังได้รับหนังสือมติแพทยสภา ที่คาดว่าจะส่งภายในสัปดาห์นี้ ตัว สมศักดิ์ จะมีเวลา 15 วัน
ต้องดูว่า สมศักดิ์ จะมีท่าทีอย่างไร เพราะมีทางเลือกสองทาง หนึ่ง ไม่คัดค้าน ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ไม่ต้องส่งหนังสือกลับไปยังแพทยสภา พอครบสิบห้าวัน ก็ถือว่า เห็นด้วย ไม่คัดค้าน
และสอง ทำหนังสือคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับมติแพทยสภา ที่ต้องส่งภายใน 15 วัน
โดยหาก สมศักดิ์ วีโต้แพทยสภา ก็จะทำให้ แพทยสภานำหนังสือดังกล่าว ไปหารือในการประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.ต่อไป
หากที่ประชุมแพทยสภา เห็นว่าต้องยืนยันมติเดิม ก็จะต้องโหวตอีกรอบ คราวนี้ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภา ที่หลายคนเชื่อว่า แพทยสภา คงไม่ชักเข้าชักออก มาโหวตล้มมติเดิมเมื่อ 8 พ.ค. เพราะหากออกมาแบบนั้น วงการหมอสะเทือนแน่ ไม่พ้นโดนข้อครหา โดนฝ่ายการเมืองในกระทรวงสาธารณสุขล็อบบี้ให้ชักเข้าชักออกล้มมติเดิม แพทยสภา จะพังกันหมด
ยามนี้ คนที่ลำบากใจสุดคงไม่พ้น สมศักดิ์ เพราะที่ได้นั่ง รองนายกฯควบรมว.สาธารณสุข ในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ทั้งที่ตอนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นแค่รองนายกฯตำแหน่งเดียว แต่ตอนนี้นั่งควบฯ ก็เพราะทักษิณ ให้มา หากไม่เคลียร์กับทักษิณก่อน แล้วไม่วีโต้ อาจทำให้ ทักษิณเคืองเอาได้หรือไม่ จนอาจส่งผลต่อการปรับครม. หลังลือกันก่อนหน้านี้ สมศักดิ์จะเหลือแค่รองนายกฯตำแหน่งเดียว แต่ครั้นหากวีโต้ไป ก็ต้องโดนวิจารณ์ว่า ทำเพื่อเอาใจนายใหญ่ ทักษิณ
ที่สำคัญ มันคือการ งัดกับ หมอรุ่นใหญ่ในวงการสาธารณสุข ที่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับ อาจารย์หมอ ที่เป็นบอร์ดแพทยสภาโดยตำแหน่งและได้รับเลือกตั้งจากหมอทั่วประเทศ
ก็อย่างที่เห็น เครดิต-ความน่าเชื่อถือของสมศักดิ์ แค่เทียบกับศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ฯ -อุปนายกแพทยสภา ที่เป็นคนแถลงมติแพทยสภา แค่คนเดียว ไม่ต้องไปเทียบกับบอร์ดแพทยสภาคนอื่นอีกหลายสิบคน สมศักดิ์ ก็ไม่มีเครดิตไปเทียบชั้นได้ ยิ่งหากแพทยสภา ลงมติยืนยันมติเดิมด้วยคะแนนท่วมท้น เท่ากับเป็นการ”หักหน้า-สมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข”
แบบนี้ สมศักดิ์ ก็จบข่าว หมดเครดิตในการเป็นรมว.สาธารณสุข งานนี้ สมศักดิ์ เลยปวดเฮด จริงๆ ไม่แพ้นายใหญ่
บ้านใหญ่ กวาดนายกเล็ก นายกเบี้ยว ปทุมฯ ยึดเรียบ
เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ทั้งการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล(ส.ท.) ทั้งเทศบาลนคร-เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบลทั่วประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา รวม2,463 แห่ง
แม้เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับรองลงมาจาก อบจ. แต่ข่าวที่ปรากฏ พบว่า การซื้อเสียงดุเดือดไม่น้อยเพราะหลายพื้นที่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี”บ้านใหญ่-ตระกูลการเมือง”ของแต่ละจังหวัด เห็นได้จากกกต.แถลงมีเรื่องร้องเรียนทะลุ 358 เรื่อง
โดยผลเลือกตั้งพบว่า เครือข่ายบ้านใหญ่หลายจังหวัดทั่วประเทศ กวาดที่นั่งทั้งนายกเทศมนตรีและสท.ได้เป็นส่วนใหญ่ ตามความคาดหมาย
ส่วนผลเลือกตั้งที่น่าสนใจก็อาทิเช่น”เทศบาลตำบลธัญบุรี”ที่คนซึ่งลงสมัครนายกเทศมนตรีตำบลธัญญบุรีมาจาก”บ้านใหญ่ 8 ตระกูลปทุมธานี” คือ ยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ หรือน้ำอ้อย ภรรยากฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่ส่งเมียมารับไม้ต่อ แถมยังส่งลูก สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลงสมัครส.ท.ตำบลธัญญบุรี เพื่อให้เข้าการเมืองตามรอยพี่ชาย ส.ส.ฟลุ๊ค มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย
จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่พอดีช่วงเมษายนที่ผ่านมา พีช ไปก่อเหตุขับรถ BMW ป้ายแดง ปาดหน้าชนกระบะเป็นเหตุให้คู่กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหักจนต้องเข้ารักษาตัวในห้อง ICU
ทำให้คนจับตามองกันว่า คนธัญบุรี-ปทุมธานี จะเลือกคนบ้านใหญ่ บ้านนายกเบี้ยวหรือไม่ และผลก็ออกมา แบบไม่พลิกความคาดหมาย เพราะทั้งแม่และลูก ชนะเลือกตั้งสมใจ นายกเบี้ยว ที่ดันทายาทในบ้านรับไม้ต่อได้สำเร็จ
และอีกหนึ่งสนามที่หลายคนจับตามอง เพราะเป็นสนามเทศบาลแห่งเดียวที่”ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย”จัดเวทีปราศรัยใหญ่ แสดงให้เห็นว่าไม่ธรรมดาแน่นอน นั่นก็คือ ศึกชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ที่สู้กันสนุกระหว่าง”บ้านใหญ่เชียงใหม่ บูรณุปกรณ์”ที่ อัศนี บูรณุปกรณ์ ลงป้องกันแชมป์อีกหนึ่งสมัย และจัดทีมลงชิงเก้าอี้ส.ท. แบบจัดเต็มเพื่อหวังชนะยกจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ยอมให้ คนของพรรคประชาชน-พรรคส้ม แทรกซึมได้
ผลออกมาตามคาด อัศนี เอาชนะ คู่ปรับเก่า ธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน ซึ่งครั้งที่แล้ว เคยดวลกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พบว่าเก้าอี้ส.ท.บางพื้นที่ถูกคนของพรรคส้ม เจาะได้สำเร็จ
ปิดท้ายที่โคราช-นครราชสีมา กับชัยชนะของ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ลาออกทิ้งเก้าอี้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของชาติพัฒนา ไปลงสมัครนายกเทศมนตรีนคร นครราขสีมา สังกัด ทีมโคราชชาติพัฒนา ก็ชนะได้ไม่ยาก เพราะเคยเป็นอดีตส.ส.โคราช 6 สมัยและได้แรงดันจากสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คนดังเมืองโคราช ที่เป็นเครือญาติกัน เพราะภรรยาหมอวรรณรัตน์ เป็นพี่สาวของพลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยาสุวัจน์ ทำให้ หมอวรรณรัตน์กับสุวัจน์ ก็คือคู่เขยกันนั่นเอง สุวัจน์ เลยช่วยเต็มที่
ทำให้หมอวรรณรัตน์กลายเป็น”อดีตรัฐมนตรี”ระดับว่าการฯ คืออดีตรมว.พลังงาน-อดีตรมว.อุตสาหกรรมที่ลงมาเป็นนายกเทศมนตรีนครโคราช ตามรอย ประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรมว.อุตสาหกรรม ที่เป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา สมัยที่ผ่านมา แต่รอบนี้ไม่ลงเพราะสุวัจน์ขอให้เปิดทางให้คู่เขยตัวเอง แบบนี้เห็นรึยังว่า เก้าอี้นายกเทศมนตรีนคร ในจังหวัดใหญ่ๆ มันไม่ธรรมดา
ส่วนว่าไม่ธรรมดายังไง บอกให้ก็ได้ อย่างงบประมาณปี 2568 พบว่าเทศบาลนครนครราชสีมา ได้รับจัดสรรงบประมาณเฉียดพันล้านบาทคือ 960,113,600 บาทแล้วแบบนี้ สุวัจน์ จะไม่ส่ง คู่เขยลงมาคุมได้ยังไง