รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อรู้จัก “แม่น้ำฝน” แม่เลี้ยงเดี่ยวสู้เพื่อลูกที่ป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อ แม้ขณะนี้จะดูเหมือนโรคสงบลงหลังผ่านการรักษา แต่ผลข้างเคียงจากโรค ยังทำให้น้องมีอาการเลือดออก และต้องใส่อุปกรณ์ประคองขา เพื่อให้เดินได้ปกติ
“ตอนแรกลูกก็เดินได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป พอ 3 ขวบ เขาล้ม แล้วไปกระแทกกับแง่กระเบื้องที่เป็นสามเหลี่ยม ก็ไม่ได้เป็นแผล เป็นเหมือนรอยขูดเฉยๆ แดงๆ ไม่มีเลือดออก หลังจากนั้นประมาณ 3 ขวบครึ่ง น้องเริ่มจะเดินไม่ได้”
“แม่น้ำฝน” รัตนา ศรีอรุณ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับ “ต้นน้ำ” ลูกชายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะอายุได้ 3 ขวบ ซึ่งแม่ก็ไม่คาดคิดว่า การล้มครั้งนั้น จะนำมาซึ่งข่าวร้ายว่า ลูกเป็นมะเร็งกล้ามเนื้อที่บริเวณสะโพก ซึ่งเป็นจุดที่เคยล้มแล้วกระแทก
“อาจารย์หมออธิบายให้ฟังว่า มะเร็งมันอาจจะก่อตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้แสดงอาการ พอมาประสบอุบัติเหตุ ที่ไปกระแทกกับแง่กระเบื้อง เลยทำให้โรคชัดเจน ประกอบกับมันเป็นชนิดที่โตเร็ว พอกระแทกปุ๊บ มันโตเลย ประมาณเกือบ 10 ซม. ตรงช่วงสะโพก ก้นกบข้างขวา ตอนนั้นอาการน้องก็กินไม่ได้ กินอะไรเข้าไป น้องก็ไม่ถ่าย ถ่ายเป็นก้อนเล็กๆ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอไปเอกซเรย์อัลตร้าซาวด์ปรากฎว่า ก้อนเนื้อมันไปทับลำไส้ใหญ่ส่วนปลายกับกระเพาะปัสสาวะของน้อง เลยทำให้เขามีอุจจาระค้างในลำไส้ค่อนข้างเยอะ เลยทำให้เขาถ่ายไม่ออก (ถาม-แล้วหมอรักษายังไง?) ให้เคมี และฉายแสง เคมีให้ทั้งหมด 24 คอร์ส และฉายแสง 25 คอร์ส”
ช่วงแรกที่รู้ว่าลูกเป็นมะเร็ง แม่น้ำฝนยอมรับว่า หัวใจแทบสลาย เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน เธอเพิ่งเสียแม่ไปจากโรคมะเร็งเช่นกัน
“คือเราเพิ่งสูญเสียแม่ แม่ของแม่ก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน เป็นมะเร็งตับจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซี แต่อันนี้ไม่ได้เป็นพื้นฐานของครอบครัวนะ พอดีแม่ได้รับการผ่าตัดและได้รับเลือดจากบุคคลอื่น แม่เลยได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เป็นมะเร็งตับ เสียแม่ไปเดือน ต.ค. ปี 62 พอ มิ.ย.63 มารู้ว่าลูกเป็นมะเร็ง เลยช็อคไปเลย พอลูกเห็นแม่ร้องไห้ ลูกเลยบอกว่าหม่ามี้เป็นอะไร หม่ามี้สู้ๆ ต้นน้ำจะสู้ เรารู้สึกว่าลูกยังสู้ เราก็ต้องสู้กับเขา ก็สู้มาถึงทุกวันนี้”
หลังผ่านการรักษา ทั้งการให้เคมีบำบัดและฉายแสง ช่วยให้โรคมะเร็งที่น้องต้นน้ำเป็นอยู่สงบลงได้ก็จริง แต่น้องยังต้องเผชิญกับผลข้างเคียงจากภาวะเลือดออกจนถึงปัจจุบัน
“ตอนนี้เขาเรียกว่าโรคสงบ แต่น้องจะมีผลกระทบจากการได้รับรังสีจากการฉายแสง คือ เส้นเลือดฝอยในกระเพาะปัสสาวะกับลำไส้มันเปราะ เลยทำให้เวลาน้องถ่ายอุจจาระ จะมีเลือดนิดหน่อย แต่ถ้าปัสสาวะมีเลือดค่อนข้างเยอะ (ถาม-แล้วมีแนวโน้มที่จะหายไหม ในแง่ที่มีลิ่มเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ?) ทางอาจารย์หมอกับคุณหมอแจ้งว่า มันจะเป็นแบบนี้ไปจนน้องโต เหมือนกับตลอดชีวิตของเขา”
ไม่ใช่แค่ภาวะเลือดออก แต่น้องต้นน้ำยังมีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง จนต้องใส่อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยประคองขาให้เดินได้ปกติ“มีอุปกรณ์เสริมเป็นรองเท้า เขาเรียกไฟเบอร์ ตอนนี้ใช้ข้างเดียว ก่อนหน้านี้ใช้ 2 ข้าง (ถาม-ทำไมต้องเสริม?) เพราะน้องมีสภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ถาม-เกิดจากอะไร?) ขาข้างขวาเกิดจากตัวโรค แต่ข้างซ้ายเกิดจากน้องไม่ได้ออกกำลังตอนที่แอดมิดอยู่ รพ. 3 เดือน (ถาม-แต่ตอนนี้น้องสามารถเดินได้แล้ว?) เดินได้เก่งเลย แต่เดินมากไม่ได้ เดินมากแล้วขาจะอ่อน”
ก่อนลูกป่วยด้วยโรคมะเร็ง แม่น้ำฝนทำงานเป็นพนักงานที่ร้านทอง เมื่อลูกป่วยจึงตัดสินใจออกจากงาน เพื่อมาดูแลลูก หลังจากลูกป่วยได้ 2 ปี สามีก็ทิ้งแม่น้ำฝนไป ส่งผลให้เธอต้องต่อสู้กับความยากลำบากในการเลี้ยงลูกป่วยเพียงลำพัง
ปัจจุบัน แม่น้ำฝนยึดอาชีพรับจ้างเย็บผ้าและทำห่อหมกขายเลี้ยงลูก เมื่อทำห่อหมกเสร็จ ก็จะนำไปฝากน้าขาย ซึ่งรายได้ไม่มากมายและไม่แน่นอน“รายได้ก็ไม่ได้มากมาย พอได้ตังค์จ่ายค่าน้ำค่าไฟ และค่าน้ำมันพาลูกไปหาหมอ พาลูกไปโรงเรียน ค่ากินบ้างนิดหน่อย ถามว่าเราอยากมีรายได้มากกว่านี้ไหม เราอยากมีรายได้มากกว่านี้ แต่ด้วยสภาวะที่เราทิ้งเขาไปทำงานไม่ได้ เกิดเขาเป็นอะไรที่โรงเรียน ไม่มีใครที่จะสามารถซัพพอร์ตลูกเราได้ นอกจากตัวเราเอง”
หลังจากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว กำลังในการหารายได้ของแม่น้ำฝนไม่พอที่จะเช่าบ้านอยู่ โชคดีมีคนที่เคยนับถือกัน อนุญาตให้เธอและลูกมาอยู่ที่บ้านที่เขาไม่ได้อยู่ (ที่สมุทรปราการ) เพื่อเฝ้าบ้านให้เขา ทำให้เธอไม่ต้องเช่าบ้านอยู่ หาไม่แล้ว เธอและลูกคงลำบากมากกว่านี้
ด้าน “วันเพ็ญ อินทโส” น้าของแม่น้ำฝน ยอมรับว่า สงสารแม่น้ำฝน เพราะชีวิตค่อนข้างลำบากต้องดูแลลูกป่วย“เขาไม่มีแม่ แม่เขาเสียไปแล้ว มีแฟน พอลูกป่วย แฟนก็ทิ้งไป เขาต้องพาลูกไปหาหมอบ่อยๆ น้าเลยซื้อรถคันนี้ให้เขาพาลูกไปหาหมอ บางครั้งไม่มีตังค์ น้าหนูขอยืมหน่อย เราก็ช่วยเขาเท่าที่เราช่วยได้ ชีวิตของเขาก็ลำบากพอสมควร เป็นห่วง สงสารเขาด้วย ลูกเป็นแบบนี้ กลัวเขาท้อ ห่วงอนาคตลูกเขาด้วย เพราะหมอบอกอยู่บ่อยๆ ว่า ตอนนี้โรคมันสงบอยู่ แต่อย่าให้มันปะทุขึ้นมาได้ ช่วงนี้เขาก็พาลูกไปหาหมอบ่อยอยู่นะ กระเพาะฉี่ไม่ค่อยดี เส้นเลือดแตกบ่อยๆ โพรงจมูกก็รู้สึกว่าจะบวม ไปหาหมอเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว หมอบอก อาการไม่ค่อยดี เราก็ห่วงเขาตรงนี้”
ถึงวันนี้ แม่น้ำฝนกับลูกสู้มาด้วยกัน 4 ปีแล้ว ไม่มีอะไรที่แม่ปรารถนามากไปกว่าอยากเห็นลูกเข้มแข็งและแข็งแรง ไม่อยากให้โรคที่ลูกเป็นปะทุขึ้นมาอีก"(ถาม-ทุกวันนี้อาการป่วยของน้องเหมือนจะดี แต่ไม่ดี เรามีความกังวลหรือห่วงมากน้อยแค่ไหน?) ห่วงมาก เพราะเส้นเลือดที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ถ้าเกิดวันหนึ่งมันเกิดปะทุขึ้นมาทั้งหมด มันจะมีลิ่มเลือดอุดตันท่อปัสสาวะ แล้วน้องจะฉี่ไม่ออก เรากังวลเรื่องนี้มาก ไม่อยากให้มันแตก เพราะเคยแตกครั้งหนึ่งเมื่อปี 65"
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แม่พร้อมสู้เพื่อลูกอย่างเต็มที่!
“เราอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี เราก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง แม่เชื่อว่า อุปสรรคที่มันเข้ามา มันแค่มาทดสอบเราเฉยๆ มันอยู่ที่เราว่า เราจะสู้ในรูปแบบไหน ถ้าเราท้อ มันจะทำให้คนที่เรารักยิ่งท้อไปกับเรา เราต้องปล่อยวางเป็น ชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักสำหรับการมีชีวิตอยู่ ณ วันนี้แม่มีลูก แม่ต้องดูแลลูกให้เต็มที่”
หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือคุณแม่น้ำฝนและลูก สามารถโอนไปได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ชื่อบัญชี นางสาว รัตนา ศรีอรุณ เลขที่บัญชี 020-165-721-606
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ต้นน้ำ...ของแม่”
https://www.youtube.com/watch?v=oJ5dvQFg0jU
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos