ปมร้อนข่าวลึก : สไนเปอร์ BRN เก็บแต้มเพิ่ม สอย ตชด.หยามหน้ากองทัพไทย
เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ทางทหารคาดการณ์ไว้ทุกประการว่า การใช้ “พลซุ่มยิง” หรือสไนเปอร์ของขบวนการ BRN คือยุทธวิธีที่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐไทยนำมาใช้อย่างได้ผล ชนิดที่หน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าไม่อาจยับยั้งสกัดกั้นหรือต่อต้านภัยคุกคามจากสไนเปอร์ BRN ได้เลย
เพราะนับตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ทั้ง อส. ตชด. และทหาร ตกเป็นเหยื่อให้สไนเปอร์ BRN เด็ดชีพมาแล้วอย่างต่อเนื่องถึง 3 ราย จนปรากฏเป็นข่าวที่สร้างความหวั่นไหวให้กับเจ้าหน้าที่ระดับล่างซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่าชีวิตของพวกตนเหมือนกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายพร้อมที่จะถูกสไนเป้อรข้าศึกซุ่มยิงได้ทุกเมื่อ
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา สไนเปอร BRN ก็ออกมาเก็บแต้มได้อีกครั้งด้วยการเข้ามาฝังตัวใกล้ฐานปฏิบัติการ ตชด. บ้านจาหนัน ถนนบ้านควน ตำบลพร่อน อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 20.08 น. ขณะที่ สตท.วัชรินทร์ นพพวง ตชด. สังกัดฐานปฏิบัติการดังกล่าวออกมาตั้งจุดตรวจริมถนน
สไนเปอร์ BRN ที่ซุ่มรออยู่แล้วได้ลั่นไกหมายสังหารเป้าหมาย แต่โชคดีที่ สตท.วัชรินทร์ มิได้ยืนนิ่งแต่เคลื่อนไหวร่างกายในจังหวะที่มีเสียงปืนดังขึ้น
กระสุนสังหารจึงพลาดจุดตายพุ่งเข้าใส่แขนขวาของ ตชด. ดวงแข็งได้รับบาดเจ็บ แม้สิบตำรวจโทวัชรินทร์จะรอดตาย แต่สไนเปอร BRN ก็สามารถแสดงศักยภาพของตนให้ฝ่ายรัฐไทยได้ประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขบวนการ BRN โหมกระหน่ำการโจมตีในทุกรูปแบบ เพื่อสร้างผลงานอย่างหนัก ชนิดที่เรียกว่า เป็นผู้ ครองสนามรบที่ไม่มีการประกาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาเข้าปฏิบัติการซ้ำ ด้วยการเผยแพร่คลิปการฆ่าแล้วเผาอาสาสมัครอย่างโหดเหี้ยมคารถต่อเนื่องจากการซุ่มยิงพระสงฆ์ จนทำให้สามเณรมรณภาพไป 1 รูป และผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นนายตำรวจยศร้อยตำรวจโทได้รับบาดเจ็บ
ในวันนี้สิ่งที่ฝ่ายรัฐไทยไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ คนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตกอยู่ในสภาวะหวาดหวั่นสิ้นหวัง ถึงขนาดที่มีชาวไทยพุทธในหมู่บ้านแห่งหนึ่งออกมาเรียกร้อง ผ่านสื่อมวลชน ขอให้ทหารเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการในหมู่บ้านเหมือนเดิม แทนที่จะเข้าไปตั้งฐานปฏิบัติการในวัด
เพราะคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่กลับถูกโจรใต้หยามน้ำหน้าวางระเบิดข้างกำแพง จนที่พักของทหารได้รับความเสียหาย
มิหนำซ้ำ ชาวบ้านยังฟ้องสื่อมวลชนด้วยว่าทหารออกมาลาดตระเวนแค่วันละ 1 ครั้งครั้งละ 30 นาทีเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย ขอให้หน่วยเหนือเพิ่มระยะเวลาในการลาดตระเวนคุ้มครองให้มากกว่านี้
ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงไม่ต่างอะไรกับหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ตอกย้ำชัดว่า กองทัพไทยในวันนี้ เสียท่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่แผ่นดินด้ามขวานอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะการต่อต้านภัยคุกคามจากสไนเปอร BRN ไม่มีผลงานหรือรูปแบบใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่า สามารถปกป้องชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เลย
ทั้งที่ได้เคยมีผู้ให้ข้อคิดเห็นมาแล้วว่า การขยายรัศมีป้องกันฐาน หรือจุดตรวจให้อยู่ในระยะที่ครอบคลุมระยะหวังผลของสไนเปอร์ หรือแม้แต่การใช้โดรนตรวจการณ์หรือ UAV บินข่ม กดดันฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้รู้ว่า ฝ่ายเรามีการตรวจการณ์เฝ้าระวังการเข้ามาเกาะติดเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา
แนวทางเหล่านี้ ยังไม่เคยมีหน่วยงานใดนำมาใช้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า สไนเปอร์ BRN จะสามารถเก็บแต้มได้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่แจ็คพอตแตก นั่นคือเป้าหมายระดับสูง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือแม่ทัพ ตกเป็นเหยื่อกระสุนสังหาร และเมื่อนั้นสถานการณ์บนโต๊ะเจรจาจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในกำมือของ BRN อย่างสมบูรณ์ตามทฤษฎีสงครามที่ว่า
ผู้ใดได้ครองสนามรบ ผู้นั้นคือ ผู้กำหนดเงื่อนไขบนโต๊ะเจรจา