ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เจอคดีฉ้อโกง ขายวุฒิปริญญาตรี
หลังจากได้วาดลวดลายเป็น "แม่พระปากแจ๋ว" นานหลายเดือน นับจากถูกแจ้งจับคดีฉ้อโกง ในที่สุด "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ก็ได้เวลา ถูกตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร นำไปส่งให้อัยการ สั่งฟ้อง
คดีที่ต้นอ้อ ถูก น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือซ้อลักษณ์ ภายใต้การดูแลของ นายชาญชัย ฉายบุ หรือทนายหนุ่ย ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
แจ้งความดำเนินคดี กล่าวหาว่าต้นอ้อหลอกขายวุฒปริญญาตรี ให้กับซ้อลักษณ์ แม้ต้นอ้อ จะเป็นอินฟลูฯ ที่มีคนติดตามมากมาย มีแบ็กอัพดีจากกลุ่มอเวนเจอร์ ที่เคยร่วมต่อสู้ฟาดฟันกับลัทธิเด็กเชื่อมจิต มาด้วยกัน
แต่สุดท้าย ความจริงก็คือความจริง ถึงอย่างไร ต้นอ้อก็ดิ้นไม่หลุดจากกระบวนการยุติธรรมไปได้ โดยตำรวจสภ.เมืองสกลนคร รวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด จนสามารถยืนยันพฤติกรรมอีกด้านของต้นอ้อ เห็นว่ากระทำผิดจริง คดีหลอกขายวุฒิการศึกษา
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร จึงมีความเห็นสั่งฟ้อง ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ในข้อหาฉ้อโกงซ้อลักษณ์ ผู้เสียหาย คุมตัวไปมอบให้อัยการ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา
คดีนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2567 เป็นข่าวครึกโครม เมื่อบุคคลที่มีภาพลักษษณ์ดูดี ปานประหนึ่งนางฟ้า หรือแม่พระ อย่างต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โดนฉีกหน้ากากจากบรรดาคนที่ตกเป็นเหยื่อของเธอ
ไม่ใช่แค่ข่าวขายวุฒิฯ ปลอม ยังมีเรื่องเซ็งลี้ขายตำแหน่งในสภา ขายบัตรเข้า-ออก สภาและทำเนียบรัฐบาล เหยื่อของเธออย่างซ้อลักษณ์ แทนที่จะได้รับความเห็นใจจากสังคม กลับถูกบิดเรื่องให้กลายเป็นแนว "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" มีขบวนการด้อยค่าคดี ให้เป็นแค่ความขัดแย้งส่วนตัวของคนเป็นเพื่อนกัน ทั้งที่ถ้าเป็นประเด็นการฉ้อโกง หลอกขายวุฒิการศึกษา มันคือปัญหาระดับชาติ
ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อคนก่อเหตุ เป็นคนดัง มีภาพลักษณ์เป็นคนดี
หลังตกเป็นข่าวฉาว ต้นอ้อยังคงเดินหน้าออกสื่อ ไปช่วยเหลือคนโน้นคนนี้ต่อไป ราวกับว่า ข้อกล่าวหาต่อตัวเธอ ว่าเป็นอาชญากร เป็นคนละเรื่องกับความดีประดามีที่เธอมุ่งมั่นตั้งใจทำ ต้นอ้อ จัดการแยกร่างตัวเองได้ ให้ต้นอ้อ ในภาคแม่พระ ช่วยเหลือประชาชน เป็นคนละคนกับต้นอ้อ ในอีกภาค ที่ถูกแจ้งผิดหลอกลวงฉ้อโกงชาวบ้าน ซะอย่างนั้น
ตอนนี้ สังคมไทยมีบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้ โผล่ออกสื่อมาก หน้าฉากดูมีจิตอาสา ใจกล้า เสียสละช่วยผู้คน แต่ข้างหลังกลับเต็มไปด้วยภัยซ่อนเร้น แม้กรณีต้นอ้อ เป็นหนึ่งขณะนี้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ยังมีโอกาสพิสูจน์ตัวในชั้นอัยการ และศาล แต่บทบาทต่อสาธารณะก็ควรหยุดไว้ก่อน รอให้คดีความสิ้นสุดยังไม่สาย ถึงเวลานั้นก็คงไม่มีใครคิดสงสัย เป็นคนดีจอมปลอมหรือของจริง