xs
xsm
sm
md
lg

ปมร้อนข่าวลึก : แดนใต้ลุกเป็นไฟ ฆ่าเณร ยิงไทยพุทธ ย้ำรัฐไทยไร้น้ำยาสู้โจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปมร้อนข่าวลึก : แดนใต้ลุกเป็นไฟ ฆ่าเณร ยิงไทยพุทธ ย้ำรัฐไทยไร้น้ำยาสู้โจร

คนไทยต้องโศกสลดกับการสูญเสียจากความรุนแรงในเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่ภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อโจรใต้สวมวิญญาณอำมหิตดักยิงพระภิกษุและสามเณร ซึ่งนั่งรถไปบิณฑบาต

เหตุเกิดบนถนนสวนโอน บ้านคลองเรียน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อเช้า วันที่ 22 เมษายน หลังจากที่ร้อยตำรวจโทวัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ สภ.สะบ้าย้อย ขับรถกระบะนำ พระสงฆ์และสามเณร รวม 6 รูป ออกมาจากวัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า เพื่อไปบิณฑบาตในเขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา

กระสุนของกลุ่มโจรใต้ไม่ทราบจำนวนที่ดักรออยู่ สามเณรมรณภาพ 1 รูป บาดเจ็บอีก 1 รูป

แต่ที่น่าสลดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ สามเณรที่มรณภาพ คือสามเณรพงศกร ชูมาปาน อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของร้อยตำรวจโทวัฒนา ผู้ขับรถกระบะคันดังกล่าว ซึ่งบรรพชาในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน และกำลังจะลาสิกขา ในอีกไม่กี่วัน แต่ก็ต้องมรณภาพ ตกเป็นเหยื่อสถานการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่ภาคใต้

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ก่อนเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้เพียง 2 วัน โจรใต้ได้ใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นไทยพุทธ ขณะนั่งรับประทานอาหารในหมู่บ้านที่อำเภอแว้งจังหวัดนราธิวาสส่งผลให้ดีผู้บาดเจ็บ 8 ราย
และในคืนวัน ที่ 20 เมษายน ไล่เลี่ยกับการกราดยิงชาวไทยพุทธ กลุ่มโจรใต้ได้ลอบวางระเบิดใกล้กับแฟลตตำรวจอำเภอโคกเคียน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์วางระเบิดแฟลตตำรวจซ้ำซาก โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่อาจป้องกันได้ แม้จะโชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้มีเด็กๆ ซึ่งเป็นบุตรหลานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายราย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เครือข่ายไทยพุทธออกแถลงการณ์ประนามกลุ่มโจรใต้มีข้อความบางตอนว่า

สมาคมเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (PDA) ร่วมกับเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (B4P) ขอประณามการกระทำอันป่าเถื่อนครั้งนี้อย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์แล้วยังเป็นการล่วงละเมิดต่อหลักการพื้นฐานของสังคมและศาสนา โดยเฉพาะการก่อเหตุในช่วงเวลาที่สามเณรกำลังจะออกบิณฑบาต ซึ่งเป็นกิจกรรมทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ และการกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน

ผลงานของโจรใต้ทั้งหมดที่กล่าวมา 3 เหตุการณ์ติดต่อกัน ช่วงระยะเวลา 3 วัน ไม่ ต่างอะไรกับการตบหน้าหน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทย เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์บนแผ่นดินด้านขวานอยู่ในกำมือ และความควบคุมของขบวนการ BRN อย่างสมบูรณ์

และสิ่งที่คนไทยได้ยินซ้ำซากเหมือนแผ่นเสียงตกร่องก็คือ ผู้มีอำนาจรับผิดชอบ ตั้งแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปจนกระทั่งถึงแม่ทัพภาค 4 ต่างออกมาพูดมันเหมือนกันว่า การปรับแผนรองรับสถานการณ์ความรุนแรง เหมือนทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ และการปรับแผนของฝ่ายรัฐไทย ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ไม่อาจทำให้พื้นที่เป้าหมายอ่อนแอ มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะแม้กระทั่งหน่วยงานของเจ้าหน้าที่รัฐเอง เช่น อาคารที่พัก การตำรวจ หรือโรงพัก ในพื้นที่ ก็ยังไม่อาจปกป้องตัวเองได้แม้แต่น้อย

ชีวิตสองพี่น้องคนไทยบนแผ่นดินด้านขวาน จึงไม่ต่างอะไรกับชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ไม่ว่าฆราวาสหรือภิกษุสงฆ์ล้วนแล้วแต่มีโอกาสบาดเจ็บล้มตายได้ทุกเมื่อ

ตราบใดที่รัฐไทยยังคงหลงเดินทางผิด
คิดว่าการเจรจาสันติภาพ คือทางออกในการแก้ปัญหา แทนการปราบปรามอย่างจริงจังและเด็ดขาด เพื่อกวาดล้างกลุ่มโจรใต้ให้สิ้นซาก โดยถือว่าคนเหล่านั้นคือข้าศึกศัตรู ของชาติ ที่ต้องทำสงครามเต็มรูปแบบ ให้ได้ชัยชนะ เพื่อนำสันติสุขกลับคืนมาอย่างถาวรตลอดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น