ปมร้อนข่าวลึก : เผย…ปัจจัยดูด มิรู้จบ ไทยต้องคุยเมียนมา พลเอกนิพัทธ์ ชี้เหตุ 20 ข้อ
ถ้าตัดเรื่องการผิดคิวของของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอภาพรวมสรุปการเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 17-18 เมษายนที่ผ่านมา ที่คลิปดังกล่าวได้ใส่เพลงประกอบเป็นเพลง “อมพระมาพูด” ที่ขับร้องโดย เสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ และ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินชื่อดังชาวไทย ทำให้เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในโลกโซเชียลฯ ออกไปแล้ว ต้องยอมรับว่าการมาประเทศไทยของผู้นำมาเลเซียมีความน่าสนใจพอสมควร โดยเฉพาะในประเด็นการสร้างสันติภาพในเมียนมา
ในเรื่องนี้พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์และมีข้อสังเกต โดยระบุว่า เพราะเเผ่นดินเราติดกัน...เราต้องคุยกัน
1. ต้องยึดถือประโยชน์สุขของคนไทยเป็นตัวตั้ง เกือบ 50 ปีที่ผ่านมา มีไฟกองใหญ่ลุกไหม้ในบ้านเรา..นอกรั้วบ้าน บรรพบุรุษไทย ไปสู้รบไปพูดคุยกับมหาอำนาจ พูดคุยกันเอง ไปพาคู่ขัดแย้งนอกประเทศเข้ามาพูดคุยกันในไทย ไปช่วยดับไฟกองใหญ่ เพื่อมิให้ลุกลามเข้ามาในบ้าน เราเเก้ปัญหาได้
2. ชายแดนไทย- เมียนมาร์ยาว 2,401 กิโลเมตร ทั้งทางบก-ทางน้ำ และยังไม่รู้ว่าตรงไหนคือ “เขตแดนที่แท้จริง” อีกยาวเหยียด ปัญหาสารพัด รวมถึงยาเสพติด
3. ประเทศรอบบ้านของไทยทั้ง 4 คือ เพื่อนบ้าน เราต้องช่วยกัน แก้/ลดปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ ลูกหลานเราจะต้องการความสงบสุข ต้องเดินทาง ค้าขายไป-มาได้ ไม่มีสงคราม
4. สงครามกลางเมืองในเมียนมาร์ ยาวนาน 80 ปี ได้รับฉายาว่า เป็นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุดในโลก มีรบกัน มีพักรบ หลายทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มชาติพันธุ์ ทหารกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เลือกที่จะเข้ามาหลบภัยในแผ่นดินไทย การสู้รบครั้งใหญ่ พ.ศ. 2527 ทำให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทหารผู้หญิงเด็กหนีตาย อพยพเข้ามาตลอดแนวชายแดนไทย ราว 200,000 คน
5. ต่อมา..รัฐบาลไทยจัดพื้นที่เป็น 9 แคมป์ตลอดแนวชายแดนหลังจากได้รับการร้องจากสหประชาชาติ ฝรั่งบอกว่า แป๊บเดียว...เดี๋ยวจะให้ประเทศที่ 3 มารับตัวไป และจะผลักดันคนเหล่านี้กลับไปในพม่า อเมริกาทยอยมาคัดตัวไปบ้างราวหลักหมื่น
ประเทศตะวันตกที่เคยมาอ้อนวอนป้อนคำหวานเรื่อง “มนุษย์ธรรม” กับไทย มันหายหัวไปหมดแล้ว ไม่มีใครสนใจเพราะหมดหน้าที่ บ้างก็ทยอยแก่ตายกันไป เชื่อมั้ยครับ... ผ่านมาแล้ว 40 ปีคนเหล่านี้ยังตกค้างในไทย 9 แคมป์ ราว 100,000 คน
6. แคมป์ทั้ง 9 ในไทย ที่มีคนอยู่ต้องกินอาหาร ขับถ่าย คือ แหล่งบ่มเพาะโรคระบาด ยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ค้ามนุษย์ บุกรุกผืนป่าของแผ่นดินไทย มีการกล่าวหา ว่าทุจริต เรื่องคนเข้าเมือง ทะเบียนราษฎร์ปลอม มีเด็กเกิดใหม่นับไม่ถ้วน คาราคาซังเรื่ิองสัญชาติ
7. ทุกครั้งที่กองทัพเมียนมาร์ปราบปราม บินมาทิ้งระเบิด ผู้คนหลายพันจะหนีข้ามมาฝั่งไทย ทหารไทยต้องจัดกำลังเข้าไปดูแล จังหวัดจัดที่พักอาหาร รักษาโรคเวียนซ้ำซากแบบนี้มาไม่ต่ำกว่า 50 ปีแล้ว
8. จากข้อ 7 แคมป์ใหญ่ที่สุด คือ แคมป์บ้านแม่หละ จ.ตาก มีผู้หนีภัยเข้ามาอยู่ราว 40,000 คน แคมป์ใกล้ กทม. ที่สุดคือ แคมป์ที่อำเภอถ้ำหิน จังหวัดราชบุรี ราว 3000 คน
9. ที่ผ่านมาเมียนมาร์ โอ้เอ้ ลังเล ไม่ยอมรับคนในแคมป์กลับไป อ้างว่าไม่มีหลักฐานว่า เป็นคนสัญชาติพม่า
10. ทุกแคมป์ มีกฎระเบียบมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองควบคุม คิดหรือว่าเขาจะนั่งนอนอยู่ในแคมป์เฉยๆ ต้องยอมรับความจริงว่ามีคนหลบหนีออกมาตลอด
11. มีการทุจริตสารพัดชนิดเกิดขึ้น เลวร้ายที่สุดคือ มีคนข้ามแดนเข้ามาเติมในค่ายตลอด กลายเป็น “ปัจจัยดูด” ( Pull Factor ) มิรู้จบ
12. ผู้คนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์หนีสงคราม ความยากจน เข้ามาทำงานบนดิน ใต้ดินในไทยมากกว่า 6 ล้านคน ถือเป็นปัจจัยบวกนะครับ ส่วนที่ก่อเหตุเกเร ก็มีปะปน ส่วนที่หลบการขึ้นทะเบียน ไม่อยากจะนึกว่ามีจำนวนเท่าใด
13.เพื่อนบ้านของเมียนมาร์อีก 4 ประเทศ ก็เดือดร้อน ขอพูดคุยกับผู้นำเมียนมาร์ เพราะผู้คนหลบหนีสงครามเข้าไปใน บังคลาเทศอินเดีย จีน
14. ครั้งนี้...ผู้นำเมียนมาร์ ได้รับการร้องขอ รับเชิญ ให้มาพูดคุยกับ ประธานอาเซียน ( นรม. มาเลเซีย ) และทีมงานเฉพาะกิจ ในกรุงเทพ ถูกต้องตามกลไกการทำงานของอาเซียน แบบเปิดเผย ไม่มีอะไรปิดบัง
15. อาเซียน เคยขึงขัง จริงจัง เสียงดัง จัดประชุมด่วนในจาการ์ตาเมื่อเมษายน 2564 มีฉันทามติร่วม 5 ประการ มีผู้นำเมียนมาร์ร่วมประชุมด้วย แต่ไม่มีอะไรในทางบวกเกิดขึ้น ที่เดือดร้อนที่สุด คือ ไทย เพราะ 9 ชาติที่เหลือมิได้มีพรมแดนติดกับพม่า หากแต่ส่งกำลังใจมาให้ไทยถูกผลักดันให้เป็น “ตัวแสดงหลัก” ให้ออกหน้าเสมอมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะโอกาสไม่อำนวย ฝ่ายไทยแทบไม่มีโอกาสได้พบพูดคุยกับผู้นำเดี่ยวของพม่า ที่สำคัญ คือ ผู้นำพม่าก็ใช่ว่า จะไปพบพูดคุยกับใครง่ายๆ ยกเว้นจีนและรัสเซีย
16. สหประชาชาติ ชาติตะวันตก อเมริกา แซงชั่นเมียนมาร์ตลอดมา แต่ไม่บังเกิดผลเพราะ จีน รัสเซียเกาหลีเหนือและอีกหลายประเทศที่ยังมีผลประโยชน์มหาศาลกับการค้าขายในพม่า
17. ผู้นำเมียนมาร์ประกาศ จะให้มีการเลือกตั้งปลายปี 68 หรือต้นปี 69 ก็เป็นการจัดการภายในของเค้า ที่เค้าคิดเอง ทำเอง มีการพูดคุยภายในกับกลุ่มต่อต้านบางกลุ่ม รวมถึงการออกแบบ “ ระบบการปกครอง ” ของประเทศ ที่คิดว่าเหมาะสม เป็นธรรม ก็เป็นกิจการภายในของเค้าที่ทั่วโลกเฝ้าดูห่างๆ ด้วยเห็นว่า “ เลือกตั้ง “ คือ ทางออกทางหนึ่ง ไม่รู้จะหาทางออกจากความขัดแย้งได้อย่างไร ก็ให้มีการเลือกตั้งไปก่อน รวมถึงจะมีการขยายเวลาหยุดยิงหลังสงกรานต์ออกไปอีก
18. อันวาร์ ประธานอาเซียนที่มีเวลาจำกัดคุยกับเพื่อนเก่า ดร. ทักษิณฯ อดีต นรม.ไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาของประธานอาเซียน วางแผนชักชวน ริเริ่มให้ผู้นำพม่ามานั่งคุย ปรับทุกข์ ผูกมิตร ในกรอบหน้าที่ของอาเซียน ถือเป็นความพยายามที่สร้างสรรค์นับเป็นความกล้าหาญที่หลายฝ่ายพยายามทำมาแล้วหากแต่ไม่สำเร็จ การพบปะพูดคุยกันครั้งนี้ เชื่อว่าคงมีภารกิจอื่นๆ มีฝ่ายอื่นๆ ที่ต้องประสานกันต่อไป ก็มีข้อกังวลบ้าง เป็นเรื่องปกติ มีประเด็นเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรมจากเหตุแผ่นดินไหวเมียนมาร์พ่วงเข้าไปด้วย แบบเพื่อนช่วยเพื่อน
19. การที่ผู้นำเมียนมาร์ “ เดินทางมาพูดคุย” อย่างที่ปรากฏ มิใช่เรื่องง่าย อันที่จริง ไม่มีใครต้องกลัวเกรงใคร ทั้งหมดนี้ คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจสูงสุดของ “เพื่อนเก่า” ที่มากด้วยประสบการณ์บุคคลสำคัญเหล่านี้ คือ มิตรสหายที่คบหากันมาหลาย 10 ปี นี่คือ “ต้นทุน” ที่มีคุณค่ายิ่งนัก ที่ใช่ว่าใครจะทำได้ ส่วนฝ่ายที่ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาพูดคุย ก็มีการพูดคุยทางอิเล็คทรอนิกส์ เพื่อร่วมคิด ร่วมจรรโลงความสงบสุข ประธานอาเซียนก็โพสต์ผลการพูดคุยในสื่อสังคมออนไลน์ เปิดเผยกับชาวโลก
20 . สงครามในเมียนมาร์ คือ ภาระหนักอึ้งของไทยมาช้านาน มีแต่คนบ่นครวญคราง นินทา ทำพิธีเปิดการประชุม ใช้ภาษาไพเราะให้ดูโก้เก๋...แล้วจากไป รัฐบาลไทยเเละอาเซียน กำลังทำงานเพื่อยุติความขัดแย้ง ขอให้เปิดใจกว้าง คิดอะไรในด้านบวก... อย่าหยุมหยิม ร้อน-หนาว เราต้องคุยกันครับ..