'เพื่อไทย' ตีกรรเชียงหนี ไม่เกี่ยวข้องลูกนายกฯเบี้ยว แม้นายใหญ่เคยไปงานบวช
จากเหตุการณ์รถยนต์ BMW ป้ายแดง ที่มี นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรี ทีมธัญญก้าวหน้า เบอร์ 1 เป็นผู้ขับขี่ เฉี่ยวชนกับรถกระบะ อีซูซุ สีดำ โดยมี นายประจักษ์ อายุ 65 ปี ชาว ต.ศิลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.สมศรี อายุ 64 ปี เป็นผู้โดยสาร ซึ่งทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ ส่งผลในทางการเมืองพอสมควร ภายหลังหลายพรรคการเมืองแสดงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย กลายเป็นพรรคการเมืองแรกๆที่ออกมาปฏิเสธว่าพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายสมิทธิพัฒน์ เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แม้ว่านายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ จะเป็นส.ส.ปทุมธานี เขต 5 ของพรรคก็ตาม โดยนายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า "ในกรณีที่มีการโยงถึงทางพรรคเพื่อไทย ต้องเรียนแจ้งว่า คู่กรณีคนดังกล่าวเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ขอทุกท่านอย่านำเรื่องดังกล่าวมาโยงกับการเมือง หรือ ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ และ นายกฯ แพทองธาร พวกเรามาร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้บาดเจ็บดีกว่าครับ"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงความคิดเห็นว่า ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทำผิดกฎหมายก็โดนหมด ต้องให้ความเป็นธรรม และทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
“ใหญ่กว่าผู้ว่าฯ ไหม ใหญ่กว่าตำรวจไหม ใหญ่กว่ากระทรวงมหาดไทยไหม ใหญ่กว่ารัฐบาลไหม ถ้าไม่ก็ไม่มีอิทธิพลอะไร ก็ในเมื่อคนที่ใหญ่กว่าบอกว่าต้องโดน ถ้าทำผิดก็ต้องโดน” นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าหากกรณีดังกล่าวมีการใช้อิทธิพลในพื้นที่มารังแกประชาชน จะทำอย่างไร
ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ต้องเป็นไปตามกระบวนการไป ยิ่งเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจ มีอิทธิพลไม่ได้หรอก เดี๋ยวนี้โลกเราก็เป็นอย่างนี้ไปแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้ตำรวจทำหน้าที่พิจารณาคดีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความกังวล เนื่องจากคู่กรณีมีความสนิทสนมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพ่อนายกรัฐมนตรี อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ อาจจะมีผลต่อการแทรกแซง หรือเกิดความเกรงใจ ทำให้คดีไม่ตรงไปตรงมาได้
"นายกรัฐมนตรีคงปฏิเสธไม่ได้ ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะในวันนั้นนายกฯ และ พ่อของท่าน ตั้งใจเดินทางไปเป็นประธานในงานบวชคู่กรณีดังกล่าวถึงปทุมธานี ท่านอาจปฏิเสธได้ว่า ไม่สนิทสนมกันมาก แต่ถ้าไม่สนิทสนมกันมากก็คงจะไม่ไปทั้งพ่อลูก" โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตั้งข้อสังเกต