'ภูมิใจไทย' เล่นกี่หน้า ลูกชายเนวิน โยนระเบิด กลางสงคราม'กาสิโน'
การขอเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรออกไปก่อนของ 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี ไม่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเพราะท่ามกลางกระแสต่อต้านที่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน เป็นเรื่องยากที่จะพาร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปได้
โดยเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องใส่เกียร์ถอยอย่างชัดเจน คือ ท่าทีที่ไม่สนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชาติ
ซึ่งพรรคประชาชาติพอเข้าใจได้ว่าการหลับหูหลับตายกมือสนับสนุนเรื่องนี้ไป ส.ส.ของพรรคคงไม่เหลือพื้นที่ยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ต้องถือว่าความเคลื่อนไหวของพรรคใหญ่สีน้ำเงินนี้ ล้วนแต่มีนัยยะซ่อนอยู่แทบทั้งสิ้น
ดูตั้งแต่โลโก้ใหม่ของพรรคเวลานี้ที่เดิมมีสีแดงแซมอยู่ แต่ปัจจุบันได้เอาออกไปแล้ว เหลือไว้แต่สีน้ำเงินล้วนๆ ซึ่งคงพอจะเป็นความหมายในตัวว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการจะสื่อถึงนัยยะทางการเมืองอย่างไร
เช่นเดียวกับ 'เนวิน ชิดชอบ' ครูใหญ่ของพรรค ที่อยู่ดีๆก็ใช้เวทีประชุมร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่น แซะถึงเรื่องร่างกฎหมายกาสิโน และตามมาด้วยการอภิปรายของ 'ไชยชนก ชิดชอบ' ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย กลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าไม่สนับสนุนร่างกฎหมายนี้ในทุกกรณี
“ผมขอประกาศในสภาทรงเกียรติแห่งนี้ ว่าผมนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ. หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ. ของพรรคภูมิใจไทยที่เราคิดขึ้นมา และนำเสนอ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็จะไม่พิจารณา" คำกล่าวของไชยชนกลูกชายคนโตของเนวิน และกรุณา ชิดชอบ
ท่ามกลางการออกตัวคัดค้านของพรรคภูมิใจไทยนั้นยังคงมีข้อสงสัยว่า จริงๆแล้วพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไรกันแน่ หรือถ้าพูดกันตามภาษาชาวบ้าน คือ เล่นกี่หน้า
โดยภายหลังลูกชายของนายเนวินกล่าวกลางสภาฯแบบนั้น ปรากฎว่า 'อนุทิน ชาญวีรกูล' รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมายืนยันว่าการอภิปรายดังกล่าวไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ มีการอธิบายจากนายอนุทินว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขอยืนยันว่าที่นายไชยชนก ได้พูดไปนั้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะสส.คนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ซึ่งเขาสามารถให้ความคิดเห็นส่วนตัวได้ แต่ในสถานะของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และเป็นเลขาธิการของพรรค เขาต้องทำตามมติของพรรค ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
คำอธิบายของนายอนุทิน ถ้าใครได้เห็นหรือได้ฟังจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว คนระดับลูกชายเนวินที่สงบปากสงบคำมาตลอด แต่ออกมาอภิปรายอย่างดุเดือดในห้วงเวลานี้ ด้านหนึ่งย่อมได้รับไฟเขียวอย่างแน่นอน ส่วนการอภิปรายของเลขาธิการพรรคจะเป็นลักษณะของการผิดคิวหรือเล่นแรงไปหน่อยหรือไม่นั้นก็อาจมีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะในจุดนั้นอาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า 'กลอนพาไป'
ดังนั้น จุดยืนและท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเวลานี้อาจมีผลต่อการตัดสินของนายกรัฐมนตรีว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรสิ้นสุดกันแค่นี้ หรือ จะยอมกอดคออย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยที่มือหนึ่งจับมือกันแน่น อีกมือก็ถือมีดที่พร้อมจะตักทิ่มแทงกันและกันได้ทุกเวลา