xs
xsm
sm
md
lg

กระแสต้านเริ่มแรง ยกระดับต้าน 'กาสิโน' สู่เป้าหมายล้มรัฐบาล?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระแสต้านเริ่มแรง ยกระดับต้าน 'กาสิโน' สู่เป้าหมายล้มรัฐบาล?

กระแสต้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้ขยายวงกว้างแม้แต่คนในรัฐบาลเองก็คาดไม่ถึงด้วยซ้ำ

เดิมกระแสต้านร่างกฎหมายดังกล่าวจะจำกัดวงอยู่เฉพาะเครือข่ายภาคประชาชนที่รณรงค์เคลื่อนไหวต่อต้านการพนัน ซึ่งไม่ได้มีพลังทางการเมืองมากนัก แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเริ่มสร้างเงื่อนไขหลายประการให้เห็นก็ได้ทำให้เป็นฟืนที่โยนเข้าไปกองไฟ

เริ่มตั้งแต่การพยายามแตกหักกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยการพยายามลดเงื่อนไขทางกฎหมายเพื่อต้องการให้มีคนเข้าไปใช้บริการกาสิโนได้ง่ายขึ้น แต่จุดเดือดมาเริ่มตรงที่พรรคเพื่อไทยใช้เสียงข้างมากหัก เพื่อสร้างเส้นทางลัดให้ร่างกฎหมายดังกล่าวแซงคิวเรื่องอื่นๆ จนสามารถทำให้ร่างกฎหมายนี้มาพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 เมษายน

ตรงนี้เองที่ทำให้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านกาสิโนขยายวงมากขึ้นผ่านการออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มอดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนในเครือข่ายเก่าของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ชมรมอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น นอกเหนือไปจากบรรดาอดีตคนมีอำนาจทางการเมืองจะออกมาแล้ว ยังได้เห็นคนมีชื่อเสียงในหลายวงการแสดงตัวต่อต้านชัดเจนมากขึ้น

จากบรรยากาศและความคุกรุ่นในเวลานี้ ทำให้เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ประกาศนัดรวมตัวกันหน้าสภาเพื่อให้สภายับยั้งการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับนัดชุมนุมในหลายพื้นที่ตามต่างจังหวัด เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทยกลายเป็นตัวเรียกแขกอย่างดี

สถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นความเหมือนที่แตกต่างเมื่อครั้งชุมนุมขับไล่ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เมื่อช่วงปี 2556-2557 ครั้งนั้นจุดเริ่มต้นยังไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การขับไล่รัฐบาล แต่ให้ความสำคัญกับพยายามไม่ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่เป็นการฟอกขาวคนทุจริต

เวลานั้นการชุมนุมแบบดาวกระจายเกิดขึ้นไปในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร จนนำไปสู่การชุมนุมที่มีกระบวนการจัดการอย่างเป็นระบบในเวลาต่อมา กระแสต่อต้านขยายวงกว้างมากขึ้น แม้ 'ยิ่งลักษณ์' จะอ้างว่าการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล แต่คำพูดของยิ่งลักษณ์ ก็ไม่มีความหมายไปแล้ว เพราะที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยก็ใช้เสียงข้างมากลากไปจนกระทั่งผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว จนส่งต่อไปให้วุฒิสภา ซึ่ง ส.ว.ในห้วงเวลานั้นก็ล้วนถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงเกือบทั้งสภา

เวลานั้นวุฒิสภาจะลงมติไม่รับหลักการในวาระที่ 1 ของร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์การชุมนุมบานปลาย แต่การทำเช่นนั้นก็สายไปเสียแล้ว เนื่องจากการชุมนุมได้ยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยมีนกหวีดเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออก ขนาดยิ่งลักษณ์จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เลือกตั้งกันใหม่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น จนกระทั่งทุกอย่างก็มาลงเอยด้วยเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผ่านมานานกว่า 10 ปี พรรคเพื่อไทยก็ยังเจ็บแล้วไม่จำ ไม่สนใจว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองได้รับประโยชน์มากที่สุด โดยทุกวันนี้ยังคงได้เห็นคนในรัฐบาลออกมาพยายามอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมประเทศไทยต้องมีสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่ถ้ามองกันตามความเป็นจริง ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาอื่นๆที่มีความสำคัญมากกว่าก่อนเป็นลำดับแรก เช่น การรับมือกับสงครามการค้า การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่า 'แพทองธาร ชินวัตร' จะลืมปัญหาเหล่านี้ไปแล้วด้วยการใช้เวลาในวันหยุดยาวไปกับการท่องเที่ยว ผิดกับผู้นำประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่มีความกระตือรือร้นมากกว่า

เพราะฉะนั้น สถานการณ์ทางการเมืองจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้จำกันไว้ว่าล้วนมาจากผลของการกระทำจากพรรคเพื่อไทยแทบทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น