xs
xsm
sm
md
lg

ปมร้อนข่าวลึก : ผ่าน 10 วัน ตึก สตง.ถล่ม ไร้ผู้นำ กู้ภัยล้มเหลว ชัชชาติ-อนุทิน ประสานงา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปมร้อนข่าวลึก : ผ่าน 10 วัน ตึก สตง.ถล่ม ไร้ผู้นำ กู้ภัยล้มเหลว ชัชชาติ-อนุทิน ประสานงา

​กว่า 10 วัน หลังจากเหตุการณ์ธรณีพิโรธ เมื่อ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา จนทำให้อาคารสำนักงานการตรวจแผ่นดิน (สตง.) หลังใหม่ ต้องพังทลาย ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนตามมาหลากหลายมิติ

​ทั้งเรื่องความไม่มั่นใจของสถานะ สตง.ในบทบาทการตรวจสอบหน่วยงานอื่นๆ เรื่องคุรุภัณฑ์ของ สตง. ที่ จัดซื้อจัดจ้างแบบไม่แคร์โลก เรื่องผู้รับจ้างที่รับสร้างตึก ที่ถูกขุดไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงเรื่องที่สื่อมวลชนบางสื่อ ไม่แม้แต่จะแตะเรื่องดังกล่าว ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ระดับบันทึกกินเนส บุ๊คส์ ได้หลายมุมมอง

และประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ การขาดการประสานงานในการแก้ปัญหาช่วยชีวิตผู้สูญหายภายใต้เศษปูน และกองเหล็กมหึมา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบระหว่างผู้ว่า กทม. “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “อนุทิน ชาญวีระกุล” จนขยายตัวเป็นศึกชนช้าง ระหว่าง กทม. และ มหาดไทย

หมัดแรก ผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ปล่อยหมัดชุดแรกคือ ส่งรองผู้ว่า กทมฯ อย่างทวิดา กมลเวชช บัญชาการเหตุการณ์ในการกู้ชีพผู้สูญหาย ก่อนที่เสี่ยหนู อนุทิน จะแก้เกม สวมบทบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตนเอง ในฐานะ มท. 1

แม้รองผู้ว่าทวิดา จะมีภาพผู้ชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยพิบัติ รวมทั้งมีท่าทีการตอบคำถามสื่อมวลทั้งไทยและต่างประเทศอย่างกระชับ เห็นภาพ และเข้าใจง่าย จนได้รับเสียงชื่นชมและความเชื่อมั่นจากประชาชนทั่วสารทิศก็ตาม

แต่อย่างที่ทราบคือ สังคมไทย มักจะให้ความสำคัญกับเบอร์ 1 ขององค์กรเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายหน่วยงานมักจะมองข้ามความตั้งใจของรองผู้ว่า ท่านนี้
โดยเฉพาะ มหาดไทยและหน่วยงานในสังกัด ต่างพร้อมใจรับลูกเซย์โนที่จะรับคำสั่ง จาก กทม. ในวันแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์ กระทั่งผู้ว่าฯ ชัชชาติมารับไม้ต่อ

การขาดการประสานงาน ถึงกับต้องให้หน่วยงานต่างชาติด้านการช่วยชีวิตเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ กระทั่งขึ้นสุดท้าย ต้องเผ่นกลับ ขึ้นเครื่องไปกอบกู้สถานการณ์ประเทศอื่น คือตัวอย่างการสะท้อนการทำงานแบบตามมีตามเกิด

ความล่าช้าในการทำงาน การขาดแผนปฏิบัติการกู้ชีพ การขาดลำดับความสำคัญก่อนหลัง รวมถึงการขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการสื่อสารถึงประชาชน คือ ความล้มเหลวที่ชัดเจนในสถานการณ์นี้

อย่างที่ทราบคือ เหตุการณ์นี้ไม่เหมือนการกู้ชีพทีมหมูป่าที่หลงถ้ำในขุนเขาขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
ที่หลายฝ่ายเฮโลช่วยเหลือกันสุดความสามารถ

แต่งานนี้ ภาพที่คนทั้งประเทศต้องการเห็นคือ ทุกฝ่าย ควรต้องระดมสรรพกำลังในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการทำงานแข่งกับเวลาให้เร็วที่สุด
แต่สุดท้าย ก็ไม่เกิดภาพดังกล่าว...

​ที่สำคัญสถานการณ์หลังแผ่นดินไหว ขณะนี้ เรายังไม่เห็นการฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูชุมชน การให้ความช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย หรือ การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การจัดให้มีการดูแลทางจิตใจสำหรับผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ภาครัฐทำได้เพียงการจัดงานเพื่อขายของตามภูมิภาคต่างๆ โดยมีผู้ประสบภัยเป็นคำชี้ชวนที่สวยหรูเพื่ออ้างถึงสาเหตุของการจัดงานดังกล่าว
เช่นกรณี น้ำท่วมที่เชียงราย และที่นครศรีธรรมราช ซึ่ง ณ ขณะนี้ ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างแม้แต่น้อย

เราคงไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายกัน เกิดขึ้นซ้ำสองโดยขาดการประสานงานของหน่วยงานเช่นครั้งนี้ อีกแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น