xs
xsm
sm
md
lg

วันปลดปล่อย-2 เมษายน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปธน.ทรัมป์ 2.0 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนนี้ เป็นวันปลดปล่อย (Liberation Day) จากการที่สหรัฐฯ ถูกปล้นรุมกินโต๊ะจากทุกๆ ประเทศรอบโลก

เพราะสินค้าของสหรัฐฯ ที่ส่งไปขายยังประเทศต่างๆ ถูกคิดอัตราภาษีขาเข้าด้วยอัตราสูงมาก บางแห่งถึง 100% ก็มี…ขณะที่สินค้าจากทุกประเทศทั่วโลกต่างบ่ายหน้าเข้าไปขายในสหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษีนำเข้าที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ 0.2% หรือถึง 5% เท่านั้น...และด้วยราคาสินค้าจากต่างประเทศที่เข้าไปปรนเปรอชาวอเมริกัน ทำให้คนอเมริกันใช้จ่ายกันเพลินมาก จนขาดดุลการค้ากับแทบทุกประเทศทั่วโลก...แต่ทางโคลอมเบีย-ประเทศในอเมริกากลาง-ในสวนหลังบ้านของสหรัฐฯ-ปธน.โคลอมเบียคนปัจจุบันไม่ค่อยถูกกับทรัมป์ กรณีที่ทรัมป์จับคนงานโคลอมเบียที่แอบเข้าประเทศสหรัฐฯ และแอบทำงาน (อย่างผิดกฎหมายเข้าเมือง) โดยไม่มีเอกสารการเข้าเมือง (Undocumented Illegal Immigrant) โดยจับมัดมือมัดเท้าใส่โซ่ตรวนและถ่ายทอดสดการนำคนโคลอมเบียเหล่านี้บังคับอย่างดูถูกเหยียดหยามให้ขึ้นเครื่องบินทหารสหรัฐฯ เพื่อส่งกลับมาโคลอมเบีย...ปธน.โคลอมเบียบอกให้เครื่องบินทหารของสหรัฐฯ บินกลับไปสหรัฐฯ ทันที โดยไม่ให้มาจอดที่ท่าอากาศยานของโคลอมเบีย...แล้วปธน.โคลอมเบียส่งเครื่องบินของโคลอมเบีย ไปรับคน (งาน) โคลอมเบียเหล่านี้กลับมาแบบวีรบุรุษ เพราะพวกเขาไม่ใช่อาชญากรแบบที่ทรัมป์กุเรื่องขึ้นเพื่อเอาใจฐานเสียง...แต่เป็นนักรบเศรษฐกิจที่แบกหน้าไปทำงานที่สหรัฐฯ เพื่อส่งเงินกลับบ้านมาโคลอมเบีย...จึงเป็นวีรบุรุษ-ไม่ใช่ทุรบุรุษแบบที่ทรัมป์ชอบตีขลุมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ตัวเองเป็นพระเอก

โคลอมเบียส่งน้ำมันดิบและดอกไม้สด (ตัดดอก) และสินค้าเกษตร และแร่ธาตุจำนวนมากเข้าไปสหรัฐฯ แต่โคลอมเบียก็ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ และไม่น่าถูกตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้า (tariff) ที่ 25% ดังที่จักรพรรดิทรัมป์ได้วางอำนาจใหญ่โตเอาไว้

จะเป็นวันปลดปล่อยหรือปลดแอก ทั่วโลกก็จะได้เห็น Moment of Truth ในวันพุธที่ 2 เมษายนนี้ ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์ดูพอใจต่อประกาศิตของตนที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำดิ่งมา 4 อาทิตย์เต็มๆ บางที่จะทำให้ทรัมป์และเหล่าพรรคพวกหรือสมาชิกในครอบครัวเขากอบโกยได้อย่างมหาศาล จากการที่เขาทุบหุ้นให้ดิ่งมากับการประกาศภาษีนำเข้าที่จะตอบโต้กับ Dirty Fifteen…ไม่ใช่ Dirty Dozen…คือ ท็อป 15 ประเทศที่เกินดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐฯ (เป็นคำประกาศของรมต.พาณิชย์สหรัฐฯ ล่าสุด) ซึ่งไทยอยู่ลำดับที่ 11 พอดี

นับเป็นการเลือกคำที่แยบยลสำหรับนักประชาสัมพันธ์ชั้นเซียนเช่นทรัมป์ ที่เลือกคำว่า “ปลดปล่อย” แทนคำว่า “เอกราช/อิสรภาพ” “Independence” ซึ่งอเมริกาประกาศเป็นอิสระปลดแอกจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 และปีหน้าปี ค.ศ. 2026 ก็จะครบรอบ 250 ปีพอดี

แต่จะเป็น Moment of Truth หรือเปล่า ตอนนี้ก็เกิดอาการชักเข้าชักออกของจักรพรรดิทรัมป์…เพราะเห็นอาการตลาดหุ้นทรุดเอาๆ ก็เลยดูจะอุ้มตลาด (และทำให้คนในครอบครัวเขาและพวกพ้องได้ร่ำรวยขึ้นมากมายเมื่อหุ้นขึ้น-หลังจากทุบด้วยข่าว tariff 25% ตอบโต้; เมื่อ 4 อาทิตย์ก่อนหน้า)

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ที่เพิ่งผ่านมา จักรพรรดิทรัมป์ได้พูดเอาใจตลาดหุ้นว่า เรื่องภาษีตอบโต้ 25% นั้น น่าจะมี

Flexibility (ผ่อนปรน) หลังจากมีการเจรจาต่อรอง และบางประเทศก็อาจมีข้อผ่อนปรนยกเว้นด้วยซ้ำ (เอ๊ะ เมื่อ 4 อาทิตย์ที่ออก EO-Executive Order ไม่ได้พูดแบบนี้...แต่เน้น “No Exemptions, No Exceptions” เด็ดขาดไงล่ะ...เป็นไม้หลักปักขี้เลนเอาดื้อๆ...เพื่ออุ้มตลาดหุ้น...แล้วยังมีการผ่อนปรนมากมาย ไม่ว่าแคนาดาและเม็กซิโก-เรื่องภาษี 25% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมก็ขยายเวลาให้ตั้ง 1 เดือน (เพื่อให้ผู้นำเข้าที่สหรัฐฯ ได้มีเวลารีบตุนสินค้าได้ในช่วง 1 เดือนนี้ ก่อนภาษีนำเข้าจะขึ้นอัตรา!!) …และต่อ Big Three ผู้ผลิตรถยนต์ของดีทรอยด์ที่ไปเจรจากับทรัมป์ ขอผ่อนปรนอีก 1 เดือนเพื่อให้พวกเขาทั้ง 3 มีเวลาหายใจ ก่อนที่จะต้องจ่ายนำเข้าอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ 25%

การไม่คงเส้นคงวาของวาจาสิทธิ์ของจักรพรรดิทรัมป์ ทำเอาภาคธุรกิจสหรัฐฯ ปั่นป่วนต่อความไม่แน่นอนที่จะวางแผนการผลิตจนมีหลาย Servey จากนักธุรกิจว่าสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยในเร็วๆ นี้ เช่น UCLA Anderson Index, CNBC CFO Council Survey (ชี้ว่า ครึ่งปีหลังของปีนี้ สหรัฐฯ จะมีเศรษฐกิจถดถอยแน่นอน-จากนโยบาย tariff และความไม่แน่นอนของนโยบายนี้ด้วย รวมทั้งการตกงานที่มีการปลดงานภาครัฐบาล และตามมาด้วยการลดคนของภาคธุรกิจเอกชนจำนวนมาก จะกระทบต่อความมั่นใจและแรงซื้อของประชาชน รวมทั้งดอกเบี้ย Fed ก็จะลดลำบาก เพราะเงินเฟ้อสูงจากภาษีนำเข้าสูง และการตอบโต้จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ตอบโต้นโยบายภาษี tariff ของทรัมป์)

การประกาศวันปลดปล่อยของจักรพรรดิทรัมป์กลับทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งมีข่าวใน The Sun (นสพ.แทบลอยด์ของอังกฤษ) และ Daily Mail บอกว่า คิงชาร์ลส์ได้เสนออย่างลับๆ กับทรัมป์ให้สหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งมีประเทศต่างๆ หลากหลายทั่วโลกได้เป็นสมาชิก เพื่อสร้างกลุ่มที่มีความใกล้ชิดในเรื่องการค้า, การลงทุน, การกีฬา, การร่วมมือและช่วยเหลือกันในทุกๆ ด้าน เพราะสหรัฐฯ ก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และขณะนี้ทรัมป์ได้กำลังตีตัวออกห่างจากสหภาพยุโรป ซึ่งอังกฤษก็ทำ Brexit ออกมาจากสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน...สื่ออังกฤษ Quote คำพูดของจักรพรรดิทรัมป์ว่า “ผมสนใจนะ-Sounds good to me!! ผมชอบคิงชาร์ลส์ด้วย” ซึ่งการวิเคราะห์ในนิวสวีคบอกว่า คิงชาร์ลส์คงคิดสะระตะถึงประโยชน์ที่ประเทศอังกฤษจะได้รับ ถ้าสหรัฐฯ เข้ามาเป็นสมาชิกสมทบของเครือจักรภพ (หัวอกเดียวกับอังกฤษที่ออกมาจากสหภาพยุโรป!)…นั่นคือ อังกฤษและอาจรวมถึงประเทศอื่นๆ ในเครือจักรภพ...จะได้เจรจาและได้รับการผ่อนปรนจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ 25% ดังที่ทรัมป์คาดโทษเอาไว้…เพราะเหล่าประเทศในเครือจักรภพจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ กับอังกฤษได้จะมีความสัมพันธ์พิเศษมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ด้วยซ้ำ

หลายคนอาจประหลาดใจว่า ถ้าสหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบของเครือจักรภพ ก็หมายถึงทรัมป์จะปฏิบัติตรงข้ามกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน คือสลัดการรวมกลุ่มกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยูเอ็น, WHO, NATO,TPP เป็นต้น…ก็อย่าประหลาดใจเลย เพราะตราบเท่าที่จักรพรรดิทรัมป์และพวกพ้องจะได้ประโยชน์อีกมหาศาลกับทรัพยากรล้ำค่าของเหล่าสมาชิกเครือจักรภพ ไม่ว่าในด้านแร่ธาตุหายากต่างๆ น้ำมัน รวมทั้งที่ดินแปลงงามๆ ที่จะสร้างโรงแรมทรัมป์อินเตอร์ได้ง่ายๆ

ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับทรัมป์ นอกจากเรื่องเงินอย่างเดียวเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น