ปมร้อนข่าวลึก : โหมโรงศึกซักฟอก ละครการเมือง แตกหักจริง หรือรอจับมือ

ปมร้อนข่าวลึก : โหมโรงศึกซักฟอก ละครการเมือง แตกหักจริง หรือรอจับมือ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เนื่องจากถ้าเปรียบการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกีฬาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นรายการระดับเมเจอร์หรือแกรนด์สแลมกันเลยทีเดียว

แม้ว่าการซักฟอกในระยะหลังที่การเมืองไทยเข้าก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 จะไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ด้านหนึ่งก็เป็นการชี้ให้เห็นแผลและข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดิน อันจะมีผลต่อคะแนนความนิยมของรัฐบาลในระยะยาว

สำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นนายกฯสุภาพสตรีคนที่สอง และเป็นนายกฯครอบครัวชินวัตรคนที่สามแล้ว ยังเป็นนายกฯคนที่ 5 ที่ถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคนเดียว โดยนายกฯ 4 คนก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย

1.พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 15 แต่ชิงลาออกก่อนวันอภิปรายฯ 2.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ถึงจะถูกยื่นญัตติแต่สุดท้ายการอภิปรายไม่เกิดขึ้น 3.นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 แม้สภาลงได้มติไว้วางใจ แต่ถูกกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล จนต้องประกาศยุบสภา และ 4. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ได้ขอลาออกภายใน 2 เดือนหลังจากจบการอภิปราย

ถ้ามองมาที่แพทองธารแล้ว เอาเข้าจริงก็เกือบที่จะได้เป็นเหมือนกับพล.อ.เปรม ที่การอภิปรายไม่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากมีความพยายามกดดันจากทางรัฐบาลและประธานสภาฯ เพื่อขอให้ฝ่ายค้านแก้ไขญัตติด้วยการตัดชื่อ 'ทักษิณ ชินวัตร' ออกจากไปญัตติ มิเช่นนั้นจะไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้น ก่อนที่สุดท้ายฝ่ายค้านจะยอมถอยด้วยการตัดชื่อ เพื่อไม่ให้เสียงานใหญ่ในระยะยาว

สถานการณ์ทางการเมืองก่อนการอภิปรายจะเริ่มขึ้นนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนแต่เป็นประเด็นที่ห้ามมองข้ามแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดิน

พรรคเพื่อไทยเองก็พร้อมรับมือกับศึกนี้อย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นคงไม่ตั้ง 20 ส.ส.เพื่อทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุมสภาฯเป็นการเฉพาะ ซึ่งในทางการเมืองก็เป็นอันรู้กันว่าฟอร์มทีมขึ้นเพื่อช่วยครอบครัวชินวัตร ถ้าพรรคเพื่อไทยจะมีช่องโหว่ที่ทำให้ฝ่ายค้านขยายแผลกลางสภาฯ น่าจะเป็นการควบคุมอารมณ์และการใช้คำพูดของนายกฯ ที่ระยะหลังต้องยอมรับว่ามีความแซ่บและแอบเกรียนเล็กๆพอสมควร

โดยเฉพาะเวลาที่ถูกจี้จุดเรื่อง 'ทักษิณ' หรือครอบครัว ถึงขนาดที่ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังต้องออกแสดงความหวังดีผ่านสื่อว่านายกฯต้องไม่หวั่นไหวไปกับคำกระแทกของฝ่ายค้าน

ทุกคำพูดของนายกฯกลางสภาที่จะเกิดขึ้นตลอดการอภิปราย จะกลายเป็นรอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital Footprint ที่จะถูกหยิบมาใช้ในเวลาใดก็ได้นับจากนี้ ดังนั้น หากนายกฯน็อตหลุดขึ้นมา รับรองได้ว่าชาวเน็ตเตรียมรับความบันเทิงกันได้เลย และพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องเตรียมแก้ตัวแทนนายกฯแบบรายวัน

อย่างไรก็ตาม เหนืออื่นใดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ กำลังเกิดคำถามเหมือนกันว่ากำลังเป็นการเล่นละครฉากใหญ่ของทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ เนื่องจากก็มีหลายสัญญาณที่บ่งบอกว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนก็ไม่ได้ตัดไมตรีกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในส่วนหัวเรือใหญ่ทั้ง 'ทักษิณ ชินวัตร' และ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' เพราะเอาเข้าจริงสองคนนี้ก็ล้วนเป็นกลุ่มเดีทุนนิยมเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ทักษิณมีชะนักปักหลังในเรื่องคดี 112 อยู่ ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วในทางคดีก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก

ทฤษฎีนี้อาจดูเหมือนเป็นไปได้ แต่ก็มีหลายเหตุปัจจัยที่ชวนให้คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่เบื่อหน่ายกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำงานการเมืองแบบโบราณคร่ำครึ่ เอาแต่ความชอบแล้วโยนความซวยไปให้นายกฯ ทุกครั้งเวลาบรรดารัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลทำอะไรผิดพลาด ทัวร์ก็มักจะมาลงที่ตัวนายกฯไปด้วย

บางทีพรรคเพื่อไทยอาจมองว่าถ้าได้ร่วมงานพรรคประชาชน ถึงขั้นร่วมรัฐบาลในอนาคต ก็ยิ่งทำให้ภาพความเป็นผู้นำเจน Y ของแพทองธารดูยกระดับขึ้นมาด้วย แต่จะไปถึงจุดนั้นก็ต้องรอถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี 2570 ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่นานเกินรอ

ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ อาจเป็นการแสดงให้เห็นถึงสัญญาณทางการเมืองบางประการ ที่อาจส่งผลในระยะยาวอีกด้วย