ปมร้อนข่าวลึก : ชี้ขาดซักฟอก 19 มี.ค.ศึกฮั้ว ส.ว.แรงมาแรงกลับ เสี่ยเฮ้ง ในมรสุมตึก 7 พันล้าน
ไม่ให้ลูกสาวเสี่ยงไม่รับ แต่ไม่แหก! เพราะได้คำตอบที่ต้องการ หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยกรณีรัฐบาลส่งเรื่องถามเกี่ยวกับความชัดเจนเรื่องมาตรฐานจริยธรรม และคำว่า ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไป โดยศาลตอบกลับมาว่า ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ และเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี สรุปเรื่องนี้คือ คลุมเครือต่อไป และนั่นเป็นการปิดประตูหวนคืนเก้าอี้รัฐมนตรีของ 3 นักการเมือง ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย รวมถึง ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ที่คราวก่อน แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไม่กล้าตั้ง เพราะกลัวซ้ำรอย เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นเสนาบดี จนตัวเองตกเก้าอี้
เมื่อไม่ได้คำตอบ แพทองธาร ย่อมไม่กล้าตั้งคนสุ่มเสี่ยง ไม่ชัดเจนเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งหลายคนมองว่า นี่เป็นทางออก ไม่ให้ แพทองธาร เผชิญความเสี่ยง และเป็นคำตอบให้คนเหล่านั้นว่า รัฐบาลได้พยายามแล้ว แต่มันไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ได้ถือว่า ปิดประตูตายคนเหล่านี้ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไม่ให้ตั้ง ทางเดียวที่รัฐบาลอยากรู้ว่า ได้หรือไม่ได้คือ ต้องแต่งตั้งเข้าไปก่อน เพื่อให้เกิดปัญหา ซึ่งอย่างนี้รัฐบาลรับเรื่องไว้วินิจฉัยแน่ แต่มันเสี่ยงมาก เพราะหากเป็นไม่ได้ คนซวยคือ คนแต่งตั้งอย่าง แพทองธาร ซึ่งไม่มีทางที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะให้ลูกสาวเสี่ยง
ชี้ขาดซักฟอก 19 มี.ค. ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้วันคือ 24 มีนาคมแน่ๆ แต่ยังไม่รู้จะอภิปรายกันกี่วัน เพราะขณะนี้วิป 3 ฝ่ายยังต่อรองกันอยู่ เรื่องของเรื่องเพราะพรรคประชาชน ยอมถอย ไม่ใส่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เอาไว้ในญัตติ เปลี่ยนไปใช้คำอื่นแทนอย่างคำว่า พ่อ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลพอจะรับได้ แต่เมื่อฝ่ายค้านหย่อนให้ ย่อมต้องต่อรองเรื่องอื่นแทน นั่นคือ เวลาอภิปรายที่ต้องการ 30 ชั่วโมง โดยจะมีการนัดถกกันอีกรอบในวันที่ 19 มีนาคมนี้ เพื่อให้ได้บทสรุปว่า จะอภิปรายกี่วัน และวันไหนบ้าง
สาเหตุที่พรรคประชาชนยอมแก้ไขญัตติให้ เพราะรู้ว่า วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรมาทรงนี้ อย่างไรไม่ยอมแน่ ถ้าพรรคส้มดื้อดันเสี่ยงจะไม่ได้ซักฟอก ซึ่งถ้าลงเอยแบบนั้นถือว่า เสียของ เนื่องจากขณะนี้เหล็กกำลังร้อน กระแสสังคมกำลังมา เรตติ้งพรรคประชาชนกำลังพุ่ง โดยเฉพาะผลงานการเปิดโปงและไล่บี้ให้รัฐบาลแก้ปัญหาๆ ในประเทศหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณี หนูไอซ์ รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ออกมาชำแหละความผิดปกติในการลงทุนโครงการต่างๆ ของบอร์ดประกันสังคม อย่างเรื่องตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท แต่ลงุทน 7 พันล้านบาท หรือเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งคนที่ออกมาจุดพลุและกัดไม่ปล่อยคือ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ฉะนั้น ถ้าพลาดถือว่า เสียโอกาส โชว์ผลงานฝ่ายค้าน
เสี่ยเฮ้ง ในมรสุมตึก 7 พันล้าน เรื่องบอร์ดประกันสังคมลงทุนซื้อตึก 7 พันล้านบาท น่าจะถูกหยิบเข้าไปอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ แม้ แพทองธาร จะถูกลากขึ้นเขียงคนเดียว แต่งานนี้ สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ น่าจะโดนพรรคประชาชนรุมขยี้ด้วย เพราะนั่งเป็น รมว.แรงงานในช่วงที่มีการลงทุนซื้อตึกดังกล่าว เป็นคู่กรณีกับ ไอซ์-รักชนก โดยตรง หลายคนฟันธงถ้าชี้แจงไม่สมเหตุสมผล รับรองเละแน่
และแม้จะได้เสียงไว้วางใจจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จนผ่านพ้นศึกนี้ไปได้ แต่อาการก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า สถานการณ์ในพรรครวมไทยสร้างชาติของตัวเองไม่สู้ดี พักหลังตีตัวออกห่าง มีข่าวพัวพันจะไปร่วมงานกับพรรคใหม่ บรรดาแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติเพ่งเล็งมาสักพัก กาชื่อเอาไว้ในแบล็กลิสต์ ถึงคิวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจบศึกซักฟอกเมื่อไหร่ อยู่ในข่ายถูกปรับออก
ดีไม่ดี คนในพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยกันเองจะแอบเชียร์พรรคประชาชนให้ซักฟอกให้เละตุ้มเปะที่สุด เพื่อจะหาได้หาเหตุเปลี่ยนตัวผู้เล่นแบบซอฟต์ ไม่ดูแตกหักมาก
ศึกฮั้ว ส.ว.แรงมาแรงกลับ สงครามตัวแทนยังไม่จบ! หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับคดีฮั้ว สว. ฐานฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ จนเรื่องเหมือนลดอุณหภูมิลงไปแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น หากแต่เป็นเวลาโต้กลับแบบหมัดชุดของ สว.สายสีน้ำเงิน โดยล่าสุดคณะ สว. 81 คนไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เอาผิดบอร์ดคดีพิเศษ 11 คน ที่ลงมติรับไว้เป็นคดีพิเศษ งานนี้ไม่ได้มีแค่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เท่านั้น แต่ เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานบอร์ดที่ลงมติ ถูกร้องด้วย เพียงแต่ในราย พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา จะหนักหน่อย เพราะโดนพ่วงจริยธรรมร้ายแรง เรียกว่า หนักกว่าเพื่อน
ในส่วนของเรื่องจริยธรรมร้ายแรงที่ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา ถูกคณะ สว.ร้อง ถือเป็นอาวุธหนักของฝั่งสายสีน้ำเงิน เพราะเรื่องจริยธรรมเป็นคดีที่ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว และหากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลขึ้นมา ไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด แต่ข้ามไปศาลฎีกาได้เลย แถมโทษหนัก โทษแรง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เป็นข้อหาที่นักการเมืองที่อยากจะแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด แต่ยังทำไม่ได้
แล้วช่วงนี้ฝ่ายสีน้ำเงิน โหมประโคมข่าวความคืบหน้าเรื่องที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.เอาไว้อย่างหนัก หวังสร้างความปั่นป่วนในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวี ที่แม้ไม่มีชื่อถูกซักฟอก แต่เรื่องของกระทรวงยุติธรรม ถูกขึงพืดจากฝ่ายค้านแน่นอน เครือข่ายสีน้ำเงินเดินหน้าปั่นเต็มที่
