ปมร้อนข่าวลึก : โจ้ ถุงดำ ดับปริศนา ฆาตกรรมอำพราง หรือ ฆ่าตัวตาย
ต้องบอกว่างานเข้าเต็มๆ สำหรับกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และเรือนจำกลางคลองเปรม จากการตายผิดธรรมชาติของ ผกก.โจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล
เพราะหาก ผกก.โจ้ ฆ่าตัวตายจริง ก็มีเหตุ ถูกบีบคั้นชีวิตความเป็นอยู่จนสุดทน
แต่หากไม่ใช่การฆ่าตัวตาย จะก็เป็นเรื่องฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากผกก.โจ้ ตาย ในขณะที่มีเรื่องราวความขัดแย้งกับผู้คุมและนักโทษ มีหลักฐานใบรับรองแพทย์ ระบุว่าเคยมีรอยฟกช้ำปรากฏที่ร่างกายเขา
โดยทางแม่และทนายความ ก็มีเอกสารการร้องเรียนอุตลุด ระบุชื่อผู้คุม คนที่มีปัญหาขัดแย้งกับ ผกก.โจ้ ไว้อย่างชัดเจน
โดยแฉว่า ผู้คุมจงใจกลั่นแกล้ง ทำเอกสารในการสู้คดีของ ผกก.โจ้ จนเปียกน้ำเสียหาย
ส่วน ผบ.เรือนจำ ก็ถูกร้องเรียนด้วยว่า เตะถ่วง ตีกัน ไม่ให้ตำรวจและญาติๆ เข้าไปสอบพบ ผกก.โจ้ ในคุก ในการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่
ขณะที่นักโทษที่ทำร้ายเขา ก็เหมือนจะได้รับการ “ให้ท้าย” จากผู้คุมคู่ขัดแย้งของเขาอีกต่างหาก
พอเป็นการตายขณะที่ปัญหาร้อนๆ ในคุก มีเอกสารการร้องเรียนแฉเป็นฉากๆ มันจึงไม่ใช่แค่เรื่องซึมเศร้าจากโทษจำคุกตลอดชีวิตที่ได้รับ แต่เพียงอย่างเดียว อย่างแน่นอน
แต่มีสารพัดเรื่องที่ถาโถมเข้ามาใส่ ผกก.โจ้ จนสุดทน
หากเขาฆ่าตัวตายจริง ทางเรือนจำกลางคลองเปรม ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ได้มาตรฐานสิทธิมนุษยชน
เรื่องผ้าขนหนูที่ใช้ปลิดชีวิตตัวเอง ก็เป็นอีกปมปริศนาที่ผู้คนสงสัยกันทั้งเมือง เพราะขนาดของผ้า มันสั้นจนพันแทบไม่รอบคอรอบอกอยู่แล้ว แล้วจะเหลือส่วนไหนให้ไปมัดกับประตูห้องขัง
ถามว่าแรงจูงใจมีหรือไม่ ที่จะเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง? ก็เป็นเรื่องที่ฝ่าย ผกก.โจ้ ร้องเรียนพฤติกรรมผู้คุม แบบระบุตัวตนกันเลย
คดีนี้ยังเต็มไปด้วยพิรุธ ซึ่งก็ไม่ได้มาจากไหน แต่มาจากใบแถลงการณ์ของกร
มราชทัณฑ์เอง
กรมราชทัณฑ์ระบุว่า ผกก.โจ้ เครียดปัญหาความขัดแย้งกับนักโทษอื่น ประกอบกับมีอาการจิตเวช จึงขอย้ายตัวเองไปแยกขังเดี่ยว จนพบจุดจบ
แต่ทางญาติระบุว่า ผกก.โจ้ ไม่ได้ป่วยจิต แค่มีอาการเครียด ที่สำคัญ เขาไม่ได้ขอแยกขังตัวเองแต่อย่างใด
แต่เป็นทางเรือนจำนั่นแหละ ที่ส่งเขาไปอยู่คนเดียวใน “แดน 5 “ ซึ่งถือเป็นแดนอาถรรพ์ มีนักโทษจบชีวิตตัวเองที่นั่นมาแล้วหลายคน
เรื่องนี้จึงเป็นคำถามว่า แล้วสังคมจะเชื่อใคร ระหว่างญาติและทนายความของ ผกก.โจ้ กับทางกรมราชทัณฑ์?
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางเรือนจำด้วย เพราะมีรายงานข่าววงในจากหลังกำแพงคุกคลองเปรม ระบุว่า ผกก.โจ้เอง ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในคุกอย่างสงบเสงี่ยม
คนเคยเป็นตำรวจระดับ ผกก. แถมมีทรัพย์สินเงินทองเป็นพันล้าน ผกก.โจ้ จึงพยายามแผ่บารมีในนั้น จนมีปัญหากระทบกระทั่งกับผู้คุมและนักโทษอื่น มาตลอด เคยจะบวกกับ เสี่ยไก่ วัฒนา ที่อยู่คุกคลองเปรมมาแล้ว
แทนที่จะได้อยู่อย่างสุขสงบ ความเครียดเลยรุมรอบตัวเขา จากความขัดแย้งเหล่านั้น
ว่าไปแล้ว เอกสารการร้องเรียนจากทนายความ บางทีก็ต้อง “ฟังหูไว้หู” เช่นกัน อาจเป็นเรื่องเหลี่ยมเชิงทางกฎหมาย
เพียงแต่งานนี้ กรมราชทัณฑ์ต้องตกเป็นจำเลยสังคมเต็มๆ เพราะกรรมเก่าประดามีที่เคยทำไว้
อย่างกรณี “นักโทษเทวดาป่วยทิพย์” ก็ทำให้เครดิตความน่าเชื่อถือของกรมราชทัณฑ์ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
กระทรวงยุติธรรม จำเป็นต้องสอบสวนคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น จึงจะเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาคืนได้ ผิดว่าไปตามผิด
ถึงเรือนจำและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย จะเป็นเหมือน “เจ้าชีวิต” ชี้เป็นชี้ตายนักโทษได้
แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำทุกคนทุกระดับ ก็ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน
มาตรา 6 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายและจิตใจ
มีโทษจำคุก 10-25 ปี เลยทีเดียว
ขณะที่มาตรา 42 ระบุว่า ผู้บังคับบัญชา ไม่ดำเนินการที่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่กระทำผิด ต้องถูกลงโทษจำคุกเช่นกัน รออีกไม่นาน ความจริงการตายของโจ้ ถุงดำ ก็คงรู้กัน ฆ่าตัวตาย หรือเป็นฆาตกรรมอำพราง!?