บึ้มยะลาต้อนรับรอมฏอน BRN เย้ยรัฐไทย ไร้น้ำยา อาจกล่าวได้ว่าเสียงกัมปนาทสนั่นเมืองยะลาในตอนค่ำของวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 ด้วยฝีมือของกลุ่ม BRN ไม่ต่างอะไรกับการตอกย้ำให้รัฐไทยได้รับรู้ว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยังคงอยู่ในกำมือของกลุ่ม BRN ที่สามารถปฏิบัติการโจมตีในทุกรูปแบบได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลใดก็ตาม และไม่สนใจว่ารัฐไทยพยายามจะเสนอแนวทางสันติภาพด้วยการเปิดโต๊ะเจรจาพร้อมข้อเสนอลักษณะใด
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19:15 น บริเวณ ตลาดสดพิมลชัย กลางเมืองยะลา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายซึ่งเป็นชาย 2 คน ในชุดสีดำเพื่อให้กลมกลืนกับเวลากลางคืนวิ่งออกมาจากที่ซ่อนแล้วขว้างระเบิดแบบไปป์บอม จำนวน 2 ลูก ไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนบริเวณที่มีทางรถไฟพาดผ่าน โดยพุ่งเป้าไปยังป้อมจุดตรวจร่วมของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม เป็นโชคดีของฝ่ายรัฐไทย ซึ่งในจังหวะที่เกิดเหตุมีรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นผ่านมาในบริเวณดังกล่าวพอดี ทำให้คนร้ายเล็งเป้าได้ไม่ถนัดนัก
แต่กระนั้นระเบิดก็ยังตกลงสู่ พื้นถนนข้างรถบรรทุก เสียงดังตูมสนั่นพร้อมกับกลุ่มควันที่พวยพุ่ง สะเก็ดระเบิดสาดกระจายรอบทิศ ยังผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งบางคนกำลังขับขี่มอเตอร์ไซด์สัญจรไปมาได้รับบาดเจ็บหลายราย
และโชคดีอีกเช่นกัน ที่ระเบิดไปป์บอมอีกลูกไม่ทำงาน ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้น อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอาจจะมีผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตก็เป็นได้
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา และชุดไทยอาสาป้องกันชาติ (ทส.ปช.) เข้าปิดกั้นที่เกิดเหตุและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางได้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดยะลาเข้าตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดอีก 1 ลูกที่ยังไม่ทำงาน ซึ่งตกอยู่กลางถนน
ส่วนผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลยะลา แยกเป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน และเป็นชาวไทยมุสลิมทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องถือว่า กลุ่ม BRN ไม่สนใจว่า ชาวไทยมุสลิม ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับตนเองจะได้รับอันตรายหรือไม่ สิ่งเดียวที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ในการ ต่อสู้กับรัฐไทยก็คือ การทำลายวิถีชีวิตปกติของประชาชนด้วยการแสดงให้เห็นว่า BRN มีอิสระในการปฏิบัติภารกิจโจมตีได้ตลอดเวลาในทุกพื้นที่
และหากถือว่า จำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตของฝ่าย BRN หรือที่เรียกว่า body count คือตัวบ่งชี้ความสำเร็จของหน่วยงานความมั่นคงของไทย จนถึงวันนี้และนาทีนี้ คงไม่ต้องบอกว่า ใครคือฝ่ายที่พ่ายแพ้และล้มเหลวในการ ควบคุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ข้อสงสัยในประเด็นที่ว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยไม่เคยปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ทั้งที่มีบทเรียนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จุดตรวจหรือป้อมรักษาการของเจ้าหน้าที่คือเป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามมุ่งโจมตี
การตั้งรับอยู่กับที่โดยไม่ขยายระยะห่างป้องกันรอบนอก จึงกลายเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายปิดระยะเข้าประชิดแล้วโจมตีในระยะใกล้ได้โดยง่าย โดยเฉพาะการขว้างระเบิดจะต้องกระทำเมื่ออยู่ห่างเพื่อสร้างวงแหวนจากเป้าหมายไม่เกิน 10 เมตร
ดังนั้นหากมีเจ้าหน้าที่วางกำลังบล็อคพื้นที่รอบนอกในรัศมีที่มากกว่าระยะขว้างระเบิด ก็จะเป็นการลดทอนขีดความสามารถของคนร้ายได้ในระดับหนึ่ง หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นการตั้งรับเชิงรุก ไม่ใช่ตั้งรับ เพื่อรอการถูกโจมตีแต่ฝ่ายเดียว
ดังนั้นคงต้องเตรียมทำใจไว้เลยว่านับจากนี้จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องเจอกับเหตุการณ์บึ้มรายวันอย่างแน่นอน
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19:15 น บริเวณ ตลาดสดพิมลชัย กลางเมืองยะลา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายซึ่งเป็นชาย 2 คน ในชุดสีดำเพื่อให้กลมกลืนกับเวลากลางคืนวิ่งออกมาจากที่ซ่อนแล้วขว้างระเบิดแบบไปป์บอม จำนวน 2 ลูก ไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนบริเวณที่มีทางรถไฟพาดผ่าน โดยพุ่งเป้าไปยังป้อมจุดตรวจร่วมของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม เป็นโชคดีของฝ่ายรัฐไทย ซึ่งในจังหวะที่เกิดเหตุมีรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นผ่านมาในบริเวณดังกล่าวพอดี ทำให้คนร้ายเล็งเป้าได้ไม่ถนัดนัก
แต่กระนั้นระเบิดก็ยังตกลงสู่ พื้นถนนข้างรถบรรทุก เสียงดังตูมสนั่นพร้อมกับกลุ่มควันที่พวยพุ่ง สะเก็ดระเบิดสาดกระจายรอบทิศ ยังผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งบางคนกำลังขับขี่มอเตอร์ไซด์สัญจรไปมาได้รับบาดเจ็บหลายราย
และโชคดีอีกเช่นกัน ที่ระเบิดไปป์บอมอีกลูกไม่ทำงาน ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้น อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอาจจะมีผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตก็เป็นได้
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา และชุดไทยอาสาป้องกันชาติ (ทส.ปช.) เข้าปิดกั้นที่เกิดเหตุและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางได้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดยะลาเข้าตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดอีก 1 ลูกที่ยังไม่ทำงาน ซึ่งตกอยู่กลางถนน
ส่วนผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลยะลา แยกเป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน และเป็นชาวไทยมุสลิมทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องถือว่า กลุ่ม BRN ไม่สนใจว่า ชาวไทยมุสลิม ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับตนเองจะได้รับอันตรายหรือไม่ สิ่งเดียวที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ในการ ต่อสู้กับรัฐไทยก็คือ การทำลายวิถีชีวิตปกติของประชาชนด้วยการแสดงให้เห็นว่า BRN มีอิสระในการปฏิบัติภารกิจโจมตีได้ตลอดเวลาในทุกพื้นที่
และหากถือว่า จำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตของฝ่าย BRN หรือที่เรียกว่า body count คือตัวบ่งชี้ความสำเร็จของหน่วยงานความมั่นคงของไทย จนถึงวันนี้และนาทีนี้ คงไม่ต้องบอกว่า ใครคือฝ่ายที่พ่ายแพ้และล้มเหลวในการ ควบคุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ข้อสงสัยในประเด็นที่ว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยไม่เคยปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ทั้งที่มีบทเรียนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จุดตรวจหรือป้อมรักษาการของเจ้าหน้าที่คือเป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามมุ่งโจมตี
การตั้งรับอยู่กับที่โดยไม่ขยายระยะห่างป้องกันรอบนอก จึงกลายเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายปิดระยะเข้าประชิดแล้วโจมตีในระยะใกล้ได้โดยง่าย โดยเฉพาะการขว้างระเบิดจะต้องกระทำเมื่ออยู่ห่างเพื่อสร้างวงแหวนจากเป้าหมายไม่เกิน 10 เมตร
ดังนั้นหากมีเจ้าหน้าที่วางกำลังบล็อคพื้นที่รอบนอกในรัศมีที่มากกว่าระยะขว้างระเบิด ก็จะเป็นการลดทอนขีดความสามารถของคนร้ายได้ในระดับหนึ่ง หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นการตั้งรับเชิงรุก ไม่ใช่ตั้งรับ เพื่อรอการถูกโจมตีแต่ฝ่ายเดียว
ดังนั้นคงต้องเตรียมทำใจไว้เลยว่านับจากนี้จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องเจอกับเหตุการณ์บึ้มรายวันอย่างแน่นอน