พรรคส้มชำระแค้น ถอด ปปช.'สุชาติ' งานนี้เพื่อ 'บิ๊กโจ๊ก'
พรรคประชาชน ยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อถอดถอน ป.ป.ช.แล้ว
ประกอบด้วย ส.ส.พรรคประชาชน 143 รายชื่อ ส.ส.พรรคเป็นธรรม 1 รายชื่อ และวุฒิสมาชิก 1 รายชื่อ รวม 145 รายชื่อ
โดยปมปัญหาการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่พรรคประชาชนพุ่งเป้าจัดการมีด้วยกัน 3 ประเด็น
ประเด็นแรก “นาฬิกายืมเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคประชาชนกล่าวหา 5 คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ 1 อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติยุติการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อ
ประเด็นที่สอง กล่าวหา 9 กรรมการ ป.ป.ช. ที่ดำรงตำแหน่ง ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2566 ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครอง ที่ให้เปิดเผยผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ของคดีตามประเด็นแรก
ประเด็นที่สาม กล่าวหาต่อ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ต่อกรณีคลิปหลุด การเข้าพบนายวันนอร์ ประธานรัฐสภา พร้อมพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.
จะเห็นว่าคนที่โดนหนักกว่าใคร คือนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ก่อนหน้านี้ ก็โดนบิ๊กโจ๊กรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 2 หมื่นรายชื่อ ยื่นถอดถอนจากตำแหน่งมาครั้งหนึ่ง
พอคดีถูกตีตก เพราะไร้หลักฐาน นายสุชาติก็มาโดนพรรคประชาชน ล็อกเป้า ถอดถอนซ้ำอีก
น่าสังเกตว่า ทำไม? พรรคประชาชนถึงมาเล่นงาน ป.ป.ช. ข้อหาเก่าๆ ตั้งแต่ปีมะโว้
ไม่ว่าจะคดี “นาฬิกายืมเพื่อน” ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ และประเด็นต่อเนื่อง คือการไม่ยอมเผยผลสอบ “นาฬิกายืมเพื่อน” ตามคำสั่งศาลปกครอง
เป็นไปได้ไหมว่า จริงๆ แล้ว เป้าหลักของการยื่นถอดถอนครั้งนี้ ก็มีแค่นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช.คนเดียว
นายสุชาติเพิ่งรอดพ้นจากข้อกล่าวหาถอดถอนของบิ๊กโจ๊ก ไม่ทันได้พักหายใจ ก็มาโดนดาบสองจากพรรคประชาชนซ้ำอีก
คดีนาฬิกายืมเพื่อน และคดีปกปิดสำนวน ถูกยื่นรวมๆ มาด้วย เพื่อให้เกิดความเนียนในการเล่นงานนายสุชาติ ใช่หรือไม่?
วงการสีกากี มองถึงสายสัมพันธ์ที่เป็นบวกต่อกัน ระหว่างนายรังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคประชาชน กับบิ๊กโจ๊ก
เหมือนว่าบางครั้ง นายรังสิมันต์ โรม จะได้ข้อมูลลึกๆ เพี้ยนๆ ในวงการตำรวจจากบิ๊กโจ๊ก เอามาอภิปรายในสภาด้วยซ้ำ
แล้วพอนายรังสิมันต์ โรม อภิปรายปัญหาวงการตำรวจ บิ๊กโจ๊กก็เด้งรับ ขอเอาไปขยายผล ท่าทีของทั้งสอง เหมือนชงกันไปชงกันมา
โดยเฉพาะล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม เพิ่งออกมาเขย่าเครื่องไบโอเมตริกซ์อีก อ้างว่า ใช้การไม่ได้จริง
ลองมีเรื่องไบโอเมตริกซ์ละก็ หน้าของบิ๊กโจ๊ก ก็ลอยมาทันที เนื่องจากบิ๊กโจ๊ก โจมตีไบโอเมตริกซ์ มานานแล้ว เพียงเพราะส่วนตัวเขา ชอบระบบอื่นมากกว่า
การออกมาจุดพลุเรื่องไบโอเมตริกซ์นี่แหละ ค่อนข้างแน่ชัดว่า นายรังสิมันต์ โรม จับมือกับบิ๊กโจ๊ก ในการเดินเกม
ส่วนการที่พรรคประชาชนยื่นถอดถอน ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ที่ให้ ส.ส.เข้าชื่อให้ได้จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของทั้ง 2 สภาฯ คือไม่น้อยกว่า 140 คน จากจำนวน ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 200 คน
งานนี้เท่ากับแบ่งเบาภาระให้บิ๊กโจ๊กไปมากมาย
เพราะการจะออกล่ารายชื่อประชาชนด้วยตัวเองให้ได้ 20,000 รายชื่อ เพื่อมายื่นถอดถอน ป.ป.ช.นั้น
บิ๊กโจ๊กต้องทุ่มเทพลังกายพลังใจ เหน็ดเหนื่อยกับการเดินสาย รวมถึงใช้ทุนทรัพย์รวมหลายล้านบาท กว่าจะได้จำนวนที่ต้องการ
ถ้ามันง่ายดายนักละก็ หนก่อนบิ๊กโจ๊กคงไม่ต้องรอนแรมจากบ้านเกิด จ.สงขลา ขึ้นมาถึงกรุงเทพฯ พัทยา แล้วต่อไปไกลถึงภาคอีสาน
น่าเสียดายนักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ หากต้องมาเป็นเครื่องมือคนอื่น ถูกหลอกใช้ เอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว
ทั้งที่คนรู้กันทั้งเมือง คลิปพูดคุยกันระหว่างนายวันนอร์และนายสุชาติ มันถูกจัดฉากโดยบิ๊กโจ๊ก คนแอบถ่ายก็บิ๊กโจ๊ก แล้วทำไมพรรคประชาชนทำมึนไม่รับรู้
ใครดีใครเลว จากเหตุการณ์นั้น นักการเมืองรุ่นใหม่อย่างนายรังสิมันต์ โรม ต้องอ่านให้ขาด ต้องจำแนกแยกแยะให้ถูก
อย่าให้ใครมาว่าเอาได้ “โรม” ต้องมนต์ “หวานเจี๊ยบ” จนโงหัวไม่ขึ้น