'บมจ.โรงพยาบาลนครธน'พร้อมเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก 20 ธันวาคมนี้ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO ชูจุดเด่นเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำของพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมาก รวมถึงมีศักยภาพเป็น'เขตเมืองแห่งใหม่'เดินหน้าขยายการลงทุนโรงพยาบาลนครธน 2 โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ และขยายจำนวนเตียงให้บริการตามแผน
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) หรือ NKT เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้น NKT เข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 135,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 2-4 ธันวาคม สำหรับนักลงทุนรายย่อย และวันที่ 9, 11-12 ธันวาคม สำหรับนักลงทุนสถาบันที่ผ่านมา โดยกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ราคาหุ้นละ 7.80 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ
บริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ไปใช้ลงทุนโครงการโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธน ชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช กล่าวว่า มั่นใจในศักยภาพการเติบโตของโรงพยาบาลนครธน ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 2 ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพจะเป็น “เขตเมืองแห่งใหม่” (New Urbanized District) ของกรุงเทพฯ ได้ในอนาคต เนื่องจากมีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด และซุปเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก รวมถึงยังเป็นถนนสายหลักที่มุ่งสู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และใช้เดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ด้วยทางด่วน และมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ โรงพยาบาลนครธน ยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ เช่น สำนักงานเขตบางขุนเทียน และสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน เป็นต้น ประกอบกับบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่และโครงการต่างๆ ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต
ดร.วิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลนครธน เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่สามารถให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน ปัจจุบันมีจำนวนเตียงที่จดทะเบียน 150 เตียง และศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 20 ศูนย์ โดยบริษัทฯ วางแผนงานเพิ่มศักยภาพการเติบโตแก่โรงพยาบาลนครธนภายใต้กลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่
1) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ
2) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
3) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร
4) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ
5) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ
6) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ
และ 7) ขยายกลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในประเทศเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย สามารถเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกขึ้น
บริษัทฯ ยังขยายตลาดในประเทศกัมพูชาและประเทศบังกลาเทศ และเตรียมขยายการลงทุนโครงการใหม่เพื่อสร้างการเติบโต ได้แก่ 1) โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสิ้น โดยจะเปิดให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วไปที่ชำระเงินเองในระยะเริ่มแรก และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปี 2568
หลังจากนั้นโรงพยาบาลนครธน 2 จะยื่นขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมในช่วงต้นปี 2569 และคาดว่าจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ประมาณปี 2570
2) โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เพื่อจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 557 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2569
3) โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธนอีก 110 เตียง จากปัจจุบัน 150 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 414 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยเปิดบริการในปี 2568-2570
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2564 – 2566 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 1,551.67 ล้านบาท เป็น 2,036.89 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14.57% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 183.24 ล้านบาท เป็น 282.29 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 24.12% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 1,521.34 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 190.38 ล้านบาท
นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Market ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.โรงพยาบาลนครธน มีศักยภาพการเติบโตที่ดีจากจุดเด่นของโรงพยาบาลที่หลากหลาย ได้แก่
1) เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญและมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก สามารถให้การรักษาแบบครบวงจร
2) อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพเป็นเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคต
3) มีฐานลูกค้าเดิมจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลของโรงพยาบาลนครธน ณ สิ้นปี 2566 จำนวน 133,719 ราย เพิ่มขึ้น 37,270 ราย จากสิ้นปี 2562 ซึ่งมีจำนวน 96,449 ราย หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8.51% ต่อปี
4) มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์รักษาโรคซับซ้อนและโรคทั่วไปเพื่อขยายฐานผู้ใช้บริการ เช่น ร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ สไปน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์กระดูกสันหลัง และร่วมกับบริษัท บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดตั้งศูนย์มะเร็ง เป็นต้น
5) มีความพร้อมให้บริการดูแลและรักษาสุขภาพของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ 6) มีบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล และ 7) มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำโรงพยาบาลประกันสังคม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 ขนาด 151 เตียง เพื่อมุ่งเน้นให้บริการแก่ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม
นายคงสิทธิ์ หันจางสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะ
ที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.โรงพยาบาลนครธน มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง จากแผนงานขยายการลงทุนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่ของบริษัทฯ การก่อสร้างโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะสามารถขยายฐานผู้เข้ารับบริการที่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธน บนถนนพระรามที่ 2 เพื่อรองรับความต้องการด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของเมืองและที่อยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและขยายฐานผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์