รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อรู้จัก “น้ำเหนือ-น้ำหวาน” สองพี่น้องยอดกตัญญู วัย 13 และ 11 ซึ่งไม่เพียงอยู่ในวัยเรียน แต่ยังช่วยพ่อทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว 5 ชีวิต หลังแม่ล้มป่วยจนทำงานไม่ได้
ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และปิดเทอม น้ำเหนือและน้ำหวานจะเดินทางออกจากบ้านพร้อมพ่อด้วยรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปช่วยพ่อทำงานรับจ้างยกผักที่ตลาดสดศรีเทพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่ดึกดื่นเที่ยงคืน
จุฑามาศ ปิ่นนาง (น้ำหวาน) เล่าถึงลักษณะการทำงานว่า“หนูก็จะไปช่วยพ่อทำงานที่ตลาดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 10 โมง ก็จะได้เงินบ้างวันละ 100 แต่ถ้าไป 2 คนก็จะได้แค่ 50-60 (ถาม-งานที่หนูทำต้องทำหน้าที่อะไร?) หนูจะช่วยจัดของบนร้าน ส่วนพี่กับพ่อจะช่วยส่งของให้ลูกค้า”
ขณะที่ อลิชา ปิ่นนาง (น้ำเหนือ) ยอมรับว่า เหตุที่เธอและน้องต้องออกไปช่วยพ่อทำงาน เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดูแลสมาชิกในครอบครัว 5 ชีวิต หลังแม่ล้มป่วย จนเหลือพ่อเป็นเสาหลักหารายได้เพียงคนเดียว
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของน้ำเหนือและน้ำหวานไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้า เพราะพ่อ (สุวิชา ปิ่นนาง) ทำงานอยู่กรุงเทพฯ เมื่อแม่ (เกสร ทองปิ่น) ล้มป่วย ครอบครัวจึงได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง
แม่ถูกโรคเอสแอลอีรุมเร้า!
เกสร ทองปิ่น แม่ของน้ำเหนือและน้ำหนาว พูดถึงโรคภัยที่รุมเร้าทำให้ตัวเองทำงานไม่ได้ว่า“เป็นโรคพุ่มพวง ทางการแพทย์เรียกว่า เอสแอลอี แพ้ตามผิวหนัง และสายตาพร่ามัว ร่างกายแข้งขาอ่อนแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนนั้นเดินไม่ได้ นอนติดเตียงเดินไม่ได้ ต้องมาดูลูกอยู่บ้าน (ถาม-มีลูกคนเล็ก ตอนนี้อายุเท่าไหร่?) น้องกวี 6 ขวบ ตอนนั้นครรภ์เป็นพิษ คลอดตอน 5 เดือนครึ่ง อบอยู่ 4 เดือน หายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (ถาม-หมอบอกไหมทำไมน้องคลอดก่อนกำหนด?) น้องมีภาวะตัวเล็กและหายใจเองไม่ได้ ปอดไม่เต็ม ทางการแพทย์เหมือนจะเรียกว่าไหลตาย ต้องคอยกระตุ้นให้เขารู้สึกตัว ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจตลอด ถ้าไม่กระตุ้นเขา เขาหลับไป ตัวเขียวเลย (ถาม-ตั้งแต่มีน้อง ทำให้แม่ต้องแบ่งเวลาหยุดทำงานเพื่อดูแลน้อง เพราะคลอดก่อนกำหนด?) ค่ะ”
ด้านน้ำเหนือ เล่าว่า สุขภาพของแม่ตอนนี้ยังดีกว่าเมื่อก่อน“(ถาม-ทุกวันนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) ดีขึ้นบ้างนิดหน่อย (ถาม-แม่สามารถทำงานลุกเดินไปไหนได้ไหม?) เดินได้นิดหน่อย จากเมื่อก่อนเดินไม่ได้ เขากินยาแล้วเขาก็เดินได้ (ถาม-ไปทำงานได้ไหมตอนนี้?) ไม่ได้ เพราะแม่เป็นโรคเอสแอลอี เลยทำงานไม่ได้ และยกของหนักไม่ได้ด้วย”
สำหรับน้องกวี ลูกคนเล็กของครอบครัวไม่เพียงคลอดก่อนกำหนด แต่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ จึงต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งน้ำหวาน ยอมรับว่า การเลี้ยงดูน้องค่อนข้างยุ่งยาก
“ก็ยุ่งยาก เพราะเหมือนน้องเป็นโรคสมาธิสั้น เหมือนเด็กอายุ 4-5 ขวบ ก็เลยต้องค่อยๆ บอกน้อง เวลาน้องดื้อ ก็ต้องค่อยๆ ถ้าเกิดว่าจะตีน้อง น้องจะไม่พอใจ จะเขวี้ยงของ”
บ้านที่อยู่อาศัย-ห้องน้ำ ไม่ค่อยมั่นคงปลอดภัย!
“เป็นบ้านของพ่อ ห้องน้ำยังไม่ได้สร้าง เพราะงบไม่พอ และสงสารแม่ด้วย เพราะแม่เดินขึ้นลงลำบาก (ถาม-ไม่มั่นคงแข็งแรงใช่ไหม?) ใช่ (ถาม-สิ่งแวดล้อมค่อนข้างเปลี่ยว หนูคิดว่ามั่นคงปลอดภัยสำหรับเด็กผู้หญิงกับครอบครัวเรามากน้อยแค่ไหน?) หนูว่าไม่ค่อยปลอดภัย เพราะข้างหลังเป็นป่า (ถาม-เคยมีเหตุการณ์ครั้งไหนที่เรารู้สึกหวาดกลัวไหม?) เคย ตอนที่พ่อกับแม่เขาไม่อยู่ เหมือนมีคนมาหลังบ้าน ได้ยินเสียงคนเดินหลังบ้าน (ถาม-กล้าออกไปดูไหม?) ไม่กล้าออกไปดู เพราะหนูกลัวว่าจะเป็นคน เพราะแถวนี้มีเด็กวัยรุ่นเขามาบ้าน เขามาปล้นรถไป (ถาม-เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ด้วย?) ใช่ค่ะ”
น้ำหวานและน้ำเหนือ นอกจากใช้เวลาวันหยุดช่วยพ่อทำงานยกผักที่ตลาดแล้ว ยังพยายามหารายได้เสริมทางอื่นด้วย
“บางทีถ้าเกิดรายได้ยกผักไม่พอ หนูก็จะไปล้างจาน แต่ถ้าเกิดหนูได้เงินจากล้างจานและขายผักมาแล้ว หนูก็จะไปซื้อส้มมาคั้น (ถาม-ทำน้ำส้มคั้นขายด้วย ไปขายที่ไหน?) ไปขายที่ตลาด มันจะมีทุกวันอังคารถึงวันศุกร์ (ถาม-วันหนึ่งรายได้จากการขายน้ำส้มที่เยอะที่สุดที่ขายได้เท่าไหร่?) ก็จะได้ประมาณ 200-300 ได้ (ถาม-แล้วลงทุนไปเท่าไหร่?) ลงทุนไป 100-200 (ถาม-เคยขาดทุนไหม?) เคย (ถาม-แล้วทำยังไง?) จะมาบอกแม่ แม่ก็บอกไม่เป็นไร ค่อยเริ่มใหม่อีกรอบ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การป่วยของแม่ ทำให้น้ำหวานและน้ำเหนือต้องขาดเรียนบ่อย เพื่อพาแม่ไปหาหมอ แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผลการเรียนของน้องแย่ลงแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบัน น้ำหวานเรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนวัดเขาดุม ผลการเรียนดีเยี่ยม ส่วนน้ำเหนือเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ผลการเรียนดีปานกลาง
“หนู(น้ำหวาน)จะต้องพาแม่ไปหาหมอที่นครสวรรค์ ก็ต้องขาดเรียนบ่อยๆ (ถาม-เวลาไป ไปยังไง?) พี่ก็จะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่สถานีรถไฟ หนูก็ไปเป็นเพื่อนแม่ ส่วนพี่ก็จะดูน้องที่บ้าน (ถาม-แบ่งหน้าที่กันไป เท่ากับวันนั้นไม่ได้เรียนหนังสือเลย แล้วหนูเรียนทันเพื่อนหรือ?) ก็จะค่อยไปถามงานจากเพื่อนเอา และค่อยปั่นตอนกินข้าวเสร็จหรือเวลาว่างๆ (ถาม-ผลการเรียนที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?) เทอมที่แล้วได้ 3.84 (ถาม-ชอบเรียนวิชาอะไร?) ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ อังกฤษ”
ด้าน สุภัสจี เหยหอม ครูประจำชั้นของน้ำหวาน กล่าวถึงน้ำหวานด้วยความชื่นชม“น้องเป็นคนขยัน จากที่เห็นในโรงเรียน เป็นคนขยันและมีน้ำใจ การเรียนของน้องก็อยู่ในระดับดี รับผิดชอบ เอาใจใส่ตัวเอง และเอาใจใส่เพื่อนด้วย ในเรื่องพฤติกรรม ความเอาใจใส่ครอบครัว ความกตัญญูเป็นหลัก คนเราถ้ามีความกตัญญูแล้ว อนาคตมันส่งผลได้แน่นอน อย่างน้องเขามีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ เขาก็อยากช่วยเหลือพ่อแม่เขาที่เห็นความลำบาก แม่ก็ป่วยทำงานไม่ได้ บางครั้งเขาลาหยุดไปเพื่อพาแม่ไปหาหมอ เราก็เลยความกตัญญูเป็นเรื่องที่ดี น้องเขามีตรงนี้ เป็นตัวอย่างที่ดี”
ขณะที่ เจียรนัย ดีเดช ผอ.โรงเรียนวัดเขาดุม กล่าวถึงน้ำหวานเช่นกันว่า“น้ำหวานอยู่ที่นี่ เป็นเด็กที่มีจิตอาสา มักจะช่วยเหลือเพื่อนๆ ช่วยเหลือครู เวลาครูไหว้วานอะไร แกจะไม่ปฏิเสธ ก็ชื่นชม เขามีความกตัญญูและมีความขยันในตัวเขา ส่วนน้ำเหนือ พี่สาว ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ก็เป็นเด็กที่มีจิตอาสาเช่นกัน (ถาม-เห็นบอกว่า ทางบ้านประสบปัญหาทางด้านการเงิน ตรงนี้ทำให้น้องต้องออกไปช่วยงานพ่อแม่ทั้งที่อยู่ในวัยเรียน ในฐานะเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นครู มองตรงนี้ในมุมไหน?) เป็นเรื่องของความขาดแคลน เราก็ทางโรงเรียนมองเห็นปัญหา เมื่อมีทุนการศึกษา ก็จะนึกถึง และจัดสรรให้เขาเป็นลำดับแรก”
น้ำหวานออมเงินไว้ส่งพี่สาวเรียน!
“(ถาม-หนูทำงานช่วยเหลือครอบครัวมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?) 8 ขวบ (ถาม-ตอนนี้อายุกี่ขวบ?) 10 ขวบ (ถาม-3 ปี มีเงินเก็บบ้างไหม?) มี (ถาม-เก็บได้เท่าไหร่?) เก็บได้หมื่นกว่าบาทแล้ว (ถาม-หนูเก็บไว้ หนูอยากเอาไปใช้อะไร?) เอาไว้ส่งพี่เรียน (ถาม-ส่งพี่เรียน แล้วหนูล่ะ?) หนูก็จะค่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ เผื่อว่าเงินจ่ายค่าเทอมพี่ยังเหลือ หนูก็จะเก็บมาไว้เป็นส่วนของหนู (ถาม-ทำไมหนูเลือกจะเก็บไว้ให้พี่สาวก่อนล่ะ?) เพราะพี่สาวจำเป็นมากกว่า พี่หนูเรียนอยู่ที่เอกชน ก็เลยต้องใช้ค่าเทอมเยอะกว่าหนู หนูเป็นโรงเรียนวัดเล็กๆ เลยไม่ค่อยมีค่าเทอม (ถาม-ในความรู้สึกส่วนตัว หนูรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ตัวเองเป็นทุกวันนี้บ้าง?) รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป (ถาม-หนูคิดว่าสิ่งที่ทำมันมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน?) หนูว่าน่าจะมีมากเลย ทำให้พ่อแม่ภูมิใจมากที่สุดแล้ว”
ขณะที่พ่อยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจกับลูกทั้งสองคนมากๆ“ผมก็ภูมิใจเพราะเขาคิดได้ขนาดนี้ ผมก็ภูมิใจมากกับลูกสองคนนี้นะ และขอให้เขาทำแบบนี้ไปตลอด โตมาจะได้ไม่มีใครทำอะไรได้ เราจะได้แกร่ง โตไปเขาจะได้รู้”
น้ำหวาน ฝัน อยากเป็นเภสัชกร อยากให้แม่อยู่ด้วยนานๆ!
“(ถาม-หนูคิดว่าสิ่งที่หนูเป็นอยู่ เป็นความทุกข์ยากไหม?) ทุกข์ยาก (ถาม-หนูไม่เหนื่อยไม่ท้อบ้างหรือ?) ก็เหนื่อยและท้อด้วย เพราะยกผักหนักมากเลย ก็ต้องทน เพราะอยากให้แม่อยู่กับหนูไปนานๆ (ถาม-ครอบครัวมีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งมันเป็นอุปสรรค ต่อไปข้างหน้า หนูคิดว่าปัญหานี้จะกระทบต่อการเรียนของหนูไหม?) ก็น่าจะกระทบนิดหน่อย (ถาม-แล้วหนูคิดว่าจะทำยังไง ถ้าเราต้องเรียนในระดับที่สูงขึ้น ต้องใช้เงินเยอะขึ้น?) ก็จะเรียนไปด้วยและหาเงินไปด้วย (ถาม-เป้าหมายคืออยากเรียนอะไรนะ?) อยากเรียนเภสัชกร (ถาม-ถ้าวันหนึ่งได้เป็นจริงๆ แล้ว คิดว่าจะเอาความรู้ความสามารถมาทำประโยชน์อะไร?) ก็อยากจะช่วยเหลือสังคม”
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือทุนปัจจัยในการซ่อมแซมปรับปรุงห้องน้ำให้ครอบครัวน้ำหวาน-น้ำเหนือ โอนเงินไปได้ที่ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี อลิชา ปิ่นนาง เลขที่บัญชี 020-340-690-427
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูอยากให้แม่อยู่กับหนูไปนานๆ”
https://www.youtube.com/watch?v=M0eUsXjHv24
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos