xs
xsm
sm
md
lg

กตัญญูสู้ชีวิต! “น้องทาม” แม้ไร้แขน ไม่ยอมแพ้โชคชะตา สู้ใช้เท้าวาดภาพ-เพ้นท์ภาพทำถุงผ้า-แก้วน้ำขาย หารายได้เลี้ยงแม่-ส่งตัวเองเรียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “น้องทาม” หนุ่มน้อยไร้แขน ผู้ไม่ยอมแพ้ความพิการ ไม่เพียงใช้เท้าช่วยเหลือตัวเองได้แทบทุกอย่าง แต่ยังสามารถใช้เท้าสร้างงานศิลปะบนถุงผ้า-แก้วน้ำ-แผ่นเฟรม ฯลฯ เพื่อขายหารายได้เลี้ยงแม่และส่งตัวเองเรียนอีกด้วย



หากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน หลายคนคงยังจำ “น้องทาม” วรรธนะ คำอินทร์ ได้ จากภาพข่าวในช่วงนั้น ที่น้องทามในวัย 9-10 ขวบ แม้ไร้แขน แต่สามารถร่วมปั่นจักรยานในกิจกรรมไบค์ ฟอร์ มัม ปั่นเพื่อแม่ ได้อย่างคล่องแคล่วและสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ได้เห็นภาพดังกล่าว กระทั่งในหลวง รัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานจักรยานให้น้องทาม สร้างความปลื้มปีติให้กับน้องทามและครอบครัวเป็นอันมาก


“รู้สึกดีใจ ตอนแรกไปปั่นก็ไม่ได้หวังอะไร อยากจะเข้าไปร่วมงาน เพราะเป็นงานปั่นเพื่อแม่ ก็อยากจะปั่นเพื่อแม่ด้วย พอได้ข่าว จะได้รับจักรยานจากในหลวง ตอนนั้นพูดไม่ถูก ดีใจมากครับผม”


แม่ไม่เสียใจที่มีลูกพิการ แต่กลัวลูกอยู่ได้ไม่นาน!

ดอกรัก คำอินทร์ แม่น้องทาม เล่าว่า“วันที่คลอดน้องทาม หมอก็ไม่ได้บอกว่าน้องพิการ พอเขาเรียกพ่อกับญาติเข้าไปดูน้อง พ่อก็มาบอกแม่ว่า น้องไม่ครบ แม่ทำใจได้ไหม แม่บอกทำใจได้ เขาก็เอามาให้ดู น้องไม่มีแขนทั้งสองข้าง แม่ก็ร้องไห้เสียใจ แต่ไม่ได้เสียใจว่าลูกเกิดมาพิการ เสียใจกลัวว่าลูกจะอยู่กับเราได้ไม่นาน แม่เลยตั้งใจจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด”


“ตอนเด็ก แม่ก็ป้อนข้าวให้น้องตลอด พอน้องพูดได้แล้ว เขาก็บอกว่า แม่ หนูอยากกินเอง แม่ก็เลยวางชามข้าวให้เขา เขาก็เอื้อมเท้ามาหยิบ มาจับ แล้วก็ตักเข้าปาก เขาก็ทำได้ อย่างของเล่น ตอนนั้นแม่ก็เทกองไว้ตรงหน้า เราอยากดูลูกเหมือนกันว่า ลูกจะทำยังไง เขาก็เอื้อมเท้าไปหยิบมาเล่น”


แม้เกิดมาไร้แขน แต่น้องทามใจสู้ ชอบทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก การมีเพียงขาจึงไม่ใช่อุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของน้องแต่อย่างใด


“อะไรทำไม่ได้ ผมก็พยายามทำให้ได้ หยิบจับเขียนหนังสืออะไร ก็ใช้เท้าหมดเลย ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก อย่างอาบน้ำ ตอนเด็ก แม่ก็อาบให้ พอโตมา ก็อยากอาบเอง เพราะอาย ก็พยายามหาวิธีอาบด้วยตัวเอง เอาฟองน้ำใส่ขา นั่งลงแล้วถู ถ้าด้านหลัง ก็จะมีฟองน้ำแปะที่กำแพง แล้วเราก็เอาหลังไปถู การทานอาหารก็ใช้เท้าจับช้อนตักทานปกติ ถ้าอยู่ที่โรงเรียน จะมีเพื่อนคอยซื้อข้าวมาให้ และถือจานมาวางให้ที่โต๊ะ”


ไม่เพียงใช้เท้าแทนมือในการดูแลตัวเอง แต่น้องทามยังสามารถใช้เท้าทำครัว ทำกับข้าวบนเตาร้อนๆ ได้เช่นคนปกติ รวมทั้งมีความสามารถด้านศิลปะ วาดภาพเพ้นท์ภาพด้วยเท้า หารายได้ช่วยครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากขาดรายได้ หลังพ่อแม่แยกทางกัน


“ตอนน้องทามอายุประมาณ 12-13 มีปัญหาครอบครัว หัวหน้าครอบครัวเขาไปมีคนใหม่ เราก็ปล่อยเขาไป ตอนนั้นแม่ก็เครียด แต่กำลังใจที่ดีที่สุดคือน้องทาม น้องพูดกับแม่ว่า แม่ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่ต้องเครียด เราอยู่ได้เนอะแม่เนอะ 2 คนเราก็อยู่ได้ ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้”


“ตอนนั้นเราทำไร่ รายได้หลักคือ พ่อเขาขับรถให้บริษัท พอพ่อเขาแยกไป ตอนนั้นเราก็แย่ลง ลูกให้กำลังใจ เราก็สู้กันทำไป แม่ก็ขายอาหารตามสั่ง น้องทามก็ช่วยทุกอย่าง ลูกค้าสั่งของ น้องทามก็ปั่นจักรยานไปส่ง ปั่นจักรยานไปซื้อของให้แม่”


ด้านน้องทาม เล่าว่า“พอช่วงโควิดมา ร้านอาหารของแม่ คนก็น้อยลงและไม่ค่อยได้กำไร ขาดทุน และเขาไม่ให้คนมานั่งกินที่ร้าน แม่เลยปิดไป ทีนี้ก็ไม่มีรายได้ ไม่รู้จะหาเงินจากช่องทางไหน แม่เห็นกระเป๋า (ถุงผ้า) เลยบอกว่า ซื้อกระเป๋ามาเพ้นท์ขายกันไหม ผมเลยซื้อมาลองดู ก็มานั่งเพ้นท์ด้วยเท้า และถ่ายคลิปลงขายในเฟซบุ๊ก ก็มีคนสนใจมาก ตอนนั้นก็ทำไม่ทัน”


ปัจจุบันผลงานศิลปะของน้องทามที่ทำขาย นอกจากถุงผ้าแล้ว ยังมีแก้วน้ำ ผ้ากันเปื้อน และภาพเพ้นท์บนแผ่นเฟรม ซึ่งน้องทามไม่เพียงใช้เท้าวาดภาพและเพ้นท์ภาพลงบนวัสดุโดยตรง แต่ยังสามารถวาดภาพในไอแพด ในคอมพิวเตอร์ ก่อนเข้าเครื่องสกรีนลงถุงผ้าและแก้วน้ำได้อีกด้วย


รายได้จากการขายผลงานศิลปะของน้องทาม ไม่เพียงนำมาจุนเจือครอบครัวและปรับปรุงบ้านให้มั่นคงแข็งแรงขึ้น แต่ยังใช้ในการส่งตัวเองเรียน ซึ่งปัจจุบัน น้องทามกำลังศึกษาอยู่คณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ชั้นปีที่ 1


“ผลตอบรับจากลูกค้า น่าพอใจ ทำให้แม่กับน้องพออยู่พอกิน พอมีต้นทุนให้น้องทามไปเรียน แม่ก็ตั้งใจจะหาทุนให้น้องเรียนได้มากที่สุด แต่ทางมหาวิทยาลัยเขาก็ช่วยเราได้เยอะว่าทุนเราก็ไม่ต้องจ่าย เพียงแค่ว่า เราจ่ายอุปกรณ์ ค่ากิน ค่าอะไรของน้อง”


ด้านน้องทาม ยอมรับว่า ศิลปะมีความสำคัญกับชีวิตตัวเองมาก ชีวิตมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะศิลปะ“ถ้าไม่มีงานศิลปะพวกนี้ ผมไม่รู้ว่าชีวิตผมจะอยู่ยังไง ไม่รู้จะไปทางไหนเลย ความฝันของผม อยากเป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กๆ จะพยายามเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด”


ขณะที่แม่น้องทาม ยอมรับว่า ถ้าไม่มีน้องทาม แม่ก็คงไม่มีวันนี้ วันที่ครอบครัวผ่านพ้นภาวะวิกฤตยากลำบากขาดรายได้ หลังจากพ่อแยกทางไป

แม้ไร้แขน แต่สามารถใช้เท้าสร้างงานสร้างรายได้เลี้ยงแม่และส่งตัวเองเรียน อดถามน้องทามไม่ได้ว่า เคยรู้สึกท้อหรือน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่เกิดมาไม่มีแขนหรือไม่? “ไม่เคยรู้สึกนะครับ รู้สึกดีใจยิ่งกว่าน้อยใจ เพราะถ้ามีแขนปกติ ก็น่าจะเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปปกติ เกิดมาไม่มีแขน รู้สึกดีใจ อย่างน้อยเขาได้ให้ความสามารถเรามา”


“(ถาม-อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้น้องทามต่อสู้กับข้อจำกัดทางร่างกาย?) แม่อย่างเดียวเลย แม่คือกำลังใจที่ดีที่สุด ทำเพื่อแม่อย่างเดียว อยากให้แม่สบาย ถ้าไม่มีแม่ ก็ไม่รู้ว่าชีวิตผมจะเป็นยังไง ทำอะไรไม่ได้ แม่ก็คอยช่วยทุกอย่าง แม่ไม่เคยทิ้งผมเลย ขอบคุณแม่มากที่ช่วยเหลือตลอด และรักแม่ครับ”


น้องทามยังฝากข้อคิดถึงผู้พิการที่กำลังท้ออยู่ด้วยว่า“เราเกิดมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องสู้ ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ ผมเป็นกำลังใจให้”


หากท่านใดต้องการอุดหนุนถุงผ้าและแก้วน้ำผลงานศิลปะของน้องทามติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “วรรธนะ คำอินทร์ น้องทาม” หรือโทรไปได้ที่ 082-164-5911


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ทาม...พลิกชีวิตด้วยเท้า”
https://www.youtube.com/watch?v=-Jzr-dZs56s


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น