xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตต้องสู้! "แป้น" คุณแม่ลูกสอง ป่วยเส้นเลือดสมองตีบ-ซีสต์ที่มดลูก เสี่ยงวูบไม่รู้ตัว สู้ขายกิฟต์ช็อปเลี้ยงลูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.ชลบุรี เพื่อรู้จัก “แป้น” คุณแม่ลูกสองที่ไม่เพียงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ยังถูกหลายโรครุมเร้า ทำให้เธอเกิดอาการวูบจนเฉียดตายมาแล้ว แม้โรคภัยทำให้เธอทำมาหากินลำบากจนมีภาวะอัตคัดขัดสน แต่เธอก็พร้อมสู้เพื่อลูกอย่างเต็มที่



“วันนั้น ช่วงประมาณ 5 โมงเย็น จะออกไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าวให้ลูกกิน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป ปกติจะไปไหนจะเอาลูกไปด้วย เผอิญวันนั้นไปคนเดียว ขี่รถไปได้สัก 3-4 กิโล ก็รถคว่ำ คือเราไม่รู้นะว่าตัวเองรถคว่ำ เราวูบแล้วรถคว่ำ มารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ รพ.แล้ว...”


บงกชธร อ่อนศรี หรือ “แป้น” ย้อนเหตุการณ์วันที่เฉียดตายหลังจากวูบหมดสติเพราะโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ที่คุกคามเธอมา 3-4 ปีแล้ว โรคนี้ไม่เพียงทำให้แขนขาเธอชาไปข้างหนึ่ง แต่ยังส่งผลให้เธอมีอาการวูบได้ทุกเมื่อโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเธอต้องหาหมอเพื่อรับยาทุก 3 เดือน


ที่ผ่านมา “แป้น” เคยวูบหลายครั้งแล้ว โชคดีที่ลูก 2 คน (ฟลุค 7 ขวบ / เฟอร์ 5 ขวบ) ช่วยไว้ได้ทัน

“คือวูบ เหมือนจะล้มลงไปเลย พอดีลูกรับทัน และอีกครั้งหนึ่งวูบเหมือนหงายหลัง เหมือนหัวจะฟาดพื้น แต่ลูกมาจับทัน ดีที่ว่า ลูกสองคนนี้เขารู้เรื่อง ถ้าเขารู้ว่าเราไม่สบายปุ๊บ เขาจะถาม แม่ไปหาหมอไหม ลูกเคยกด 1669 ด้วยนะ ช่วงนั้นคือเราหายใจไม่ออก เขาก็บอก แม่ไปหาหมอ เขากดเขาโทรหานะ บางที ถ้าเขารู้ว่าเราปวดหัว เขาจะไปหยิบยามาให้เลย”


ไม่ใช่แค่เส้นเลือดในสมองตีบ แต่แป้นยังมีอีกหลายโรครุมเร้า เช่น ไมเกรน, ซีสต์ที่มดลูก ขนาดประมาณ 4 ซม. ซึ่งหมอยังไม่ได้นัดผ่าตัด โดยให้กินยาไปก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ภาวะปวดท้องจากซีสต์ที่มดลูก ก็ทำให้เธอต้องหยุดทำงาน เพราะป่วยบ่อย


“เมื่อก่อนเคยมีล็อกขายของในโรงงาน ตอนนั้นขายพวกน้ำพริก แต่พอป่วยบ่อย คือหน้ามืด ปวดท้อง ยืนไม่ไหว ปวดจนไข้ขึ้น และมีเลือดออก และฉี่ออกตลอดเวลา เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอก็บอกว่า เป็นซีสต์ที่มดลูกนะ แต่หมอก็ยังไม่ได้ให้คำตอบว่า จะให้ผ่าตัดหรืออะไร หมอให้กินยา”


ไม่เท่านั้น ล่าสุด เธอยังมีก้อนเนื้อตรงรักแร้ 2 ข้าง ซึ่งยังไม่ได้ไปหาหมอเพื่อตรวจให้แน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่

“มันเป็นก้อนแข็งๆ และมันก็ปวด ถ้าบางวันมันปวดเยอะ ก็คือจะมีไข้ ยังไม่ได้ไปตรวจให้แน่ชัด บางทีก้อนเนื้อมันจะใหญ่ห้อยลงมาเลย ถ้าจะไปหาหมอ ใจก็กลัวนะ กลัวจะเป็นเนื้อร้าย”


นอกจากปัญหาเรื่องโรครุมเร้า ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการทำงานแล้ว ที่ผ่านมา แป้นยังเจอมรสุมทั้งตกงานและครอบครัวแตกแยกจากการเลือกคู่ชีวิตที่ผิด จนมีอันต้องเลิกรากัน


“เมื่อก่อนเป็นพนักงานขายนาฬิกาในห้างที่กรุงเทพฯ (ถาม-แล้วทำไมออกจากงาน?) ตอนนั้นบริษัทที่ทำอยู่ เขาปิดตัวลง เขาก็ให้พนักงานออก ซึ่งช่วงที่ออกจากงาน ก็ท้องเจ้าฟลุคพอดี (ถาม-เหตุผลที่เลิกกับพ่อน้อง?) คือมารู้ว่าเขามีครอบครัวแล้ว เลยตัดสินใจเดินออกมาเลย...”


หลังจากคลอดน้องฟลุคและเลี้ยงลูกอยู่พักใหญ่ โชคชะตาก็พาให้รู้จักพ่อน้องเฟอร์ แม้ช่วงแรกความสัมพันธ์จะเป็นไปด้วยดี แต่สุดท้ายก็ต้องจบด้วยการต่างคนต่างไป


“ตอนนั้นเขาทำงานอยู่กรุงเทพฯ เราก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตอนหลังอาเรียกให้เรากลับบ้าน ให้มาช่วยขายก๋วยเตี๋ยว เราเลยตัดสินใจพาลูกกลับไปอยู่บ้าน ตอนหลังพ่อน้องเฟอร์เกษียณ เขาก็ตัดสินใจมาอยู่กับเราที่ชลบุรี ปัญหามันเกิดตรงที่ว่า เขาไม่ได้ทำงาน เราทำงาน แต่รายได้เราเหมือนไม่พอใช้จ่าย แล้วเขามาอยู่เหมือนประมาณว่าเขาลำบาก เพราะเขาเคยอยู่แบบสบาย จะกินอะไร จะใช้อะไร ก็อยู่สบาย แล้วพอเขามาอยู่กับเรา บ้านนอกอย่างนี้ ก็เหมือนชีวิตเขามันลำบาก ก็เลยเริ่มมีปัญหา เริ่มมีปากเสียงกัน (ถาม-แล้วงานที่เราทำ เขามาช่วยไหม?) เขาก็ช่วยเป็นบางครั้งบางคราว ไม่ได้ช่วยตลอด คือวันไหนเขาพอใจจะทำ ก็ทำ ไม่พอใจก็ไม่ทำ (ถาม-เลยทำให้มีปัญหากัน สุดท้ายคือ?) สุดท้ายก็ต้องต่างคนต่างไป”


เมื่อชีวิตคู่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้แป้นต้องเข้มแข็งเพื่อประคองลูกทั้งสองให้ไปต่อได้ ทุกวันนี้ เธอยอมเหนื่อยด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ไปขายกิฟต์ช็อปตามตลาดนัดต่างอำเภอ ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 40 กม. โดยในวันธรรมดา เธอจะฝากอาที่พักอยู่ไม่ไกลกันช่วยรับ-ส่งลูกกลับจากโรงเรียน หากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เธอก็จะพาลูกๆ ไปขายของด้วยกัน


ด้าน “ปราณี โพธิ์ศรี” อาของแป้น ซึ่งสุขภาพก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน เพราะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องหาหมอบ่อยๆ ยอมรับว่า สงสารแป้นและลูกๆ เพราะไม่ค่อยมีรายได้ ไม่ค่อยมีอะไรกิน


“ยายก็ดูแลแค่เด็กๆ เพราะเงินทองเราก็ไม่ค่อยมี ก็ดูแลเด็กนิดๆ หน่อยๆ ดูแลกันไป มีบ้างไม่มีบ้าง เพราะเราก็ทำอะไรไม่ไหว”

ท่ามกลางความขัดสนเรื่องรายได้และไม่อยากให้ลูกลำบาก แป้นเคยถามลูกว่า อยากไปอยู่กับพ่อไหม ซึ่งคำตอบที่ได้ ก็ทำให้เธอรู้สึกมีแรงกายแรงใจที่จะสู้เพื่อลูกให้ถึงที่สุด


“(ถาม-คนที่เป็นพ่อเขาอาจดูว่ามีความพร้อมมากกว่า เขาเคยเสนอตัวรับลูกไปดูแลไหม?) เคย พ่อน้องเฟอร์ เขาเคยถามลูกว่า ไปอยู่กับป๊าไหม ลูกบอกว่าไม่ไป ไม่มีคนดูแลแม่ ทุกวันนี้เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เขาไม่ไป ทุกวันนี้แม่ก็ถามเขานะว่า ไปอยู่กับป๊าไหม เพราะอยู่กับแม่ บางทีไม่มีอะไรกิน บางทีลำบาก อดอยาก เขาบอกว่าไม่ไป เขาบอกจะอยู่กับแม่ ไม่มีก็อดด้วยกัน อิ่มก็อิ่มด้วยกัน เขาพูดคำนี้”


ลูกคือกำลังใจ แม่จะสู้เพื่อลูกอิ่ม!

“แม่จะทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด ให้เห็นรอยยิ้มของลูก ให้ลูกอิ่ม แม่จะสู้ จะทำเพื่อลูก จะพยายามทำให้ร่างกายตัวเองแข็งแรงมากกว่าเดิม (ถาม-ลูกมีความสำคัญกับเรามากน้อยแค่ไหน?) มากๆ เลย ทุกวันนี้เรามีรอยยิ้มได้ก็เพราะเขา เห็นเขายิ้ม เห็นเขาหัวเราะ แม่ก็มีแรงสู้แล้ว”


หากท่านใดต้องการช่วยเหลือคุณแม่ให้มีทุนต่อยอดขายของ หรือเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกๆ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี น.ส.บงกชธร อ่อนศรี เลขที่บัญชี 651-7-19131-5


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ลูกคือกำลังใจ”
https://www.youtube.com/watch?v=4Hb3fx5nkAk


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos




กำลังโหลดความคิดเห็น