รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อรู้จัก “ป้าศรีเจริญ” หญิงแกร่งยอดกตัญญู ไม่เพียงดูแลลูกสาวที่ป่วยติดเตียง แต่ยังดูแลพ่อแม่วัยชราที่พักอยู่อีกบ้าน แม้ต้องเผชิญกับภาวะอัตคัดขัดสนจากการขาดรายได้ ก็ไม่ถอดใจ พร้อมสู้เพื่อทุกคน
“วันนั้นเรากลับจากทำงาน จะลงไปอาบน้ำ และเราจับราวบันได แล้วพลาดตกบันได ...ตอนเช้ามาก็ระบม เจ็บทั้งขาทั้งแขนทั้งหัว ...ก็ไปหาหมอ เขาทำคลื่นไฟฟ้ามาแปะตรงเข่าประมาณ 3 วันก็ดีขึ้น ก็เดินได้เป็นปกติ แต่มีวันหนึ่ง ตื่นเช้ามา มันปวดทั้งตัว สักพักก็ชาทั้งแขนขา ไม่มีแรงเลย ...หมอวินิจฉัยว่า เราเป็นไขสันหลังอักเสบ...”
จากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้ “วาสนา ผัดคำวงษ์” ต้องกลายเป็นคนพิการนอนป่วยติดเตียงมานานถึง 6 ปีแล้ว แม้ก่อนเกิดเหตุ เธอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและลูกที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แต่หลังจากป่วยติดเตียง ผู้เป็นแม่อย่าง “ป้าศรีเจริญ ฤทธิเดช” ตัดสินใจรับลูกสาวกลับมาดูแลเองที่ จ.สุพรรณบุรี เพราะกลัวว่า ถ้าลูกสาวไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ อาจเสียชีวิตได้
“ถ้าป้าไม่ดูแล ลูกอาจอยู่ไม่ถึงตอนนี้หรอก คงเสียไปแล้วแหละ เพราะทางโน้นไม่มีใครดูแล (ถาม-สามีเขาทำงานอะไร?) ทำงานรายวันทั่วไป”
การตัดสินใจรับลูกสาวมาดูแลเอง ไม่ใช่เพราะป้าศรีเจริญมีฐานะที่จะดูแลได้ ตรงกันข้าม ป้าก็ทำงานหาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป แม้ปัจจุบันงานจะไม่ค่อยมี แต่ก็พร้อมสู้เพื่อลูก
“ก่อนรับลูกมาดูแล ป้าก็ขายของ ซื้อถ่านมา แล้วมากรอกใส่ถุงส่งเขา แต่พอต้องดูแลลูก ก็หยุดทำงานไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้ก็ทำงานรับจ้างทั่วไปที่พอทำไหว ก่อสร้าง หิ้วปูน หรือปลูกต้นไม้ รับจ้างปลูกพริก (ถาม-แล้วเขาให้ค่าจ้างเรายังไง?) วันละ 300 (ถาม-งานมีทุกวันไหม?) ไม่ ช่วงนี้งานไม่ค่อยมี”
เมื่อลูกสาวอยู่ในภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย กิจวัตรของผู้เป็นแม่จึงต้องดูแลทุกอย่าง ทั้งอาบน้ำ แปรงฟัน ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำแผลใส่ยา เพราะการนอนติดเตียงเป็นเวลานานและไม่ได้นอนเตียงลม บวกอากาศร้อน ทำให้มีแผลกดทับหลายแห่งที่บริเวณหลังและก้น
“(ถาม-ป่วยติดเตียงมา 6 ปี ตอนนี้แขนขาเราเคลื่อนไหวทำอะไรได้บ้าง?) แขนขากระดุกกระดิกได้แค่นิดหน่อยเอง ยกก็ไม่ได้ กินข้าวเองก็ไม่ได้ แม่ต้องช่วยตลอด ขนาดมดขึ้นตัวเรา เรายังปัดออกเองไม่ได้เลย”
ไม่ใช่แค่ดูแลลูกป่วยติดเตียง แต่ป้าศรีเจริญยังดูแลพ่อแม่วัยชราอายุ 89 และ 93 อีกด้วย ซึ่งแม่ยังช่วยเหลือตัวเองได้อยู่ แต่พ่อเดินไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้ พ่อและแม่พักอยู่กับป้าศรีเจริญ ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างยากลำบาก ภายหลังพี่น้องของป้าได้ให้พ่อแม่ไปพักอยู่ที่บ้านอีกหลังที่สร้างไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านป้าประมาณ 500 เมตร แม้พ่อแม่จะมีที่อยู่อาศัยดีขึ้น แต่ก็ไม่มีลูกคนไหนมีเวลามาดูแลพ่อแม่ ยกเว้นป้าศรีเจริญ ป้าจึงเป็นคนเดียวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดูแลพ่อแม่ ทุกวันป้าจึงต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อดูแลลูกสาวที่บ้าน และดูแลพ่อแม่อีกบ้านวันละหลายรอบ ซึ่งพ่อกับแม่ก็อดสงสารลูกสาวอย่างป้าศรีเจริญไม่ได้
“เราก็นึกสมเพชมันเหมือนกัน ทางโน้นก็เดินไม่ได้ ทางนี้ก็เดินไม่ได้ จะไปหาหมอที ก็ต้องเรียกมัน... ทุกวันมันก็มาดูแลเรื่องการอยู่การกิน เก็บกวาดถูบ้าน ซักผ้า พอเสร็จนี่ ก็วิ่งไปเอาข้าวให้ลูก พอเอาข้าวให้ลูกกินเสร็จ ก็วิ่งมานี่อีก มาเอาผ้าตากบ้างอะไรบ้าง”
“(ถาม-คุณยายมีอะไรที่ยังเป็นห่วงลูกสาวคนนี้ไหมที่เขาคอยมาดูแลเราทุกวัน?) ก็เป็นห่วงทุกอย่างนั่นแหละ คือมันจะอยู่ได้ยังไง จะมีกินยังไง ทั้งดูแลลูกดูแลพ่อแม่ ไปทำงานก็ไม่ได้ บางทีไม่มี มันก็มาหา เราก็มีนิดๆ หน่อยๆ 400-500 ก็แบ่งกันไป ...มันก็ไม่มี เราก็ไม่มี”
ขณะที่ “วาสนา” ลูกสาวป้าศรีเจริญซึ่งป่วยติดเตียง ยอมรับว่า บ่อยครั้งที่แม่อยู่ในภาวะลำบากขัดสน
“บางทีแม่ไม่มีตังค์ ก็ไปยืมยาย ยืมมาใช้ชั่วคราว พอมีก็ไปคืนเขา... (ถาม-พูดถึงรายได้ครอบครัวเรา เคยถึงขั้นขัดสนเลยใช่ไหม?) จ้ะ ขัดสนมากๆ ไม่มีอะไรกิน แม่เขาก็ตำพริกป่น บีบมะนาว ใส่น้ำปลา กินกับข้าว ไปเด็ดผักตำลึงข้างรั้วมากินกัน (ถาม-บ่อยไหม?) ก็บ่อยนะ”
ไม่ใช่แค่ภาวะอัตคัดขัดสนจากการไม่ค่อยมีงาน และไปทำงานไม่ได้ เพราะต้องดูแลลูกสาวและพ่อแม่วัยชรา แต่ที่พักอาศัยของป้ายังทรุดโทรมไม่ค่อยมั่นคงอีกด้วย
“ปัจจุบันที่อยู่อาศัยดูเป็นเพิงพักที่เหมือนทำไว้ชั่วคราว... ซื้อสังกะสีเก่าๆ มาทำ ซื้อเป็นกิโลมา (ถาม-เก็บเงินทำเอา?) จ้ะ (ถาม-แล้วเวลาหน้าฝน หน้าหนาว หน้าร้อนเป็นยังไงบ้าง?) โอย หน้าฝนก็หลบเอา ฝนสาด บางทีก็ปลิวไปหมด ตอนนอนยุงก็เยอะ ยุงกัด ต้องจุดยากันยุงทุกคืน บางทีก็ไม่ได้กางมุ้ง เพราะจุดยากันยุงทิ้งไว้ ไม่กล้ากางมุ้ง พอยากันยุงหมด ก็ไม่ได้จุดต่อ”
แม่ยังหวังให้ลูกหายป่วย ขณะที่ลูกสาวยอมรับว่า บางครั้งรู้สึกเครียดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นภาระให้กับแม่ทุกอย่าง
“(ถาม-เคยท้อหรือหมดหวังกับตัวเองบ้างไหม?) มันก็มีนะ บางทีเรานอนคิด ทำไมเราต้องมาเป็นอย่างนี้นะ เราจะหายไหมนะ ทำไมเราไม่ตายไปซะ ทำไมต้องมาเป็นภาระ (ถาม-แล้วแม่รับรู้ไหม?) เขาก็รู้ว่าเราเครียด บางทีเราเครียดขึ้นมา พูดโวยวายเสียงดัง เขาก็รับอารมณ์เราได้ (ถาม-แล้วเรารู้สึกยังไง?) เราก็รู้สึกผิดนะที่เราทำแบบนั้น แต่มันระงับอารมณ์ไม่ได้ พลาดไปแล้ว (ถาม-เห็นภาพของแม่ที่ดูแลเราทุกวันนี้แล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?) เขาเป็นคนอดทนมาก”
ขอบคุณแม่ช่วยดูแลทุกอย่าง กว่าจะได้พักผ่อนก็มืดค่ำทุกวัน!
“ก็อยากขอบคุณแม่ที่แม่ช่วยทุกอย่าง ช่วยดูแล ต้องอดตาหลับหลับตานอน บางครั้งเราก็ต้องเรียกเขา เวลานอนไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว เวลาเราเจ็บแผลอะไรต่างๆ บางทีเราร้อนบ้างหนาวบ้าง เราก็เรียกเขา ไหนจะระบบการระบายของเราไม่ดี แม่ขอยาซื้อยาระบายให้หน่อย พอเราต้องถ่าย แม่ก็เอาขึ้นไปปลดทุกข์ ต้องสวนต้องล้วงต้องล้าง เขาทำให้หมด ไหนจะอาบน้ำ ทำแผล ป้อนข้าวดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง กว่าแม่จะได้พักก็มืดพอดี 2-3 ทุ่มทุกวัน บางทีกว่าแม่จะได้กินข้าว 2-3 ทุ่ม กว่าจะได้พักผ่อน”
ไม่ว่าลูกจะอยู่ในสภาพไหน แม่พร้อมดูแลอย่างดีที่สุด ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่า อยากเห็นลูกหายป่วยและช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนแม่จะลำบากแค่ไหน แม่ไม่ห่วง พร้อมสู้ และพร้อมทำหน้าที่ของลูกกตัญญูด้วยการดูแลพ่อแม่วัยชราอย่างเต็มกำลังต่อไป
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือคุณป้าศรีเจริญให้มีทุนรักษาลูกและดูแลครอบครัว โอนไปได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ชื่อบัญชี นางศรีเจริญ ฤทธิเดช เลขที่บัญชี 020-074-696-703
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “คุณป้า...หัวใจแกร่ง”
https://www.youtube.com/watch?v=GWt5GfEM0Cc
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos