‘โอ้กะจู๋’ เตรียมขายหุ้น IPO ไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งพร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เสริมความแข็งแกร่ง “King of Organic Salad”
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘โอ้กะจู๋’ (OKJ) เปิดเผยว่า แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพแบรนด์ “โอ้กะจู๋” และแบรนด์ใหม่ ๆ รวมถึงร้าน Ohkajhu Wrap & Roll และ Oh! Juice และการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่น ๆ ,การลงทุนก่อสร้างครัวกลางแห่งใหม่ และการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและระบบการขนส่งเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รองรับการเติบโต และต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และพร้อมให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จผ่านการลงทุนในหุ้น OKJ ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปัจจุบัน บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” รวมถึงบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ โดยเน้นการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) และนำเสนออาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบหลักที่เป็นอินทรีย์ที่มีคุณภาพ
ธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
(1) ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ อาทิ สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ ฯลฯ รวมถึงมีการนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้ สลัด แซนวิช แร็พ เป็นต้น ไปวางขายยังช่องทางต่าง ๆ โดยมีช่องทางจำหน่าย 4 ช่องทางหลัก คือ
1.1) Full-service Restaurant จำนวนรวม 30 สาขา
1.2) Delivery and Kiosk จำนวนรวม 4 สาขา
1.3) Café Amazon จำนวนกว่า 400 สาขา
และ 1.4) Supermarket จำนวน 11 สาขา
(2) ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร๊พสลัด แซนวิช เบอร์เกอร์ และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูของร้านโอ้กะจู๋ เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบได้ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เปิดตัวร้าน Ohkajhu Wrap & Roll สาขาแรกที่ศูนย์การค้า EMSPHERE เมื่อเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา
และ (3) ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh! Juice” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูน้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเป็นเมนูผักผลไม้สุขภาพและเสริมคุณค่าโภชนาการด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการเหมาะกับคนทุกวัย ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เปิดตัวร้าน Oh! Juice สาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และสาขาที่ 2 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน เมื่อเดือนมิถุนายน 2567
บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาร้านใหม่ทั้ง 2 แบรนด์อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพัฒนาแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าวด้วยว่า บริษัทฯขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์“เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเรา และสังคม”โดยจุดเริ่มต้นของ “โอ้กะจู๋” ที่มาจากความหลงใหลและความทุ่มเทของผู้ร่วมก่อตั้ง ที่อยากปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ ได้รับประทานผลผลิตเกษตรอินทรีย์ที่ไม่มีสารพิษและสารเคมีใดๆ ตกค้าง ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ผ่านการบอกปากต่อปาก และการสื่อสารผ่านทางสังคมออนไลน์ (Social network) ถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบ คุณภาพและรสชาติของอาหาร จนส่งผลให้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในฐานะร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มธุรกิจร้านอาหารที่เน้นใช้วัตถุดิบอินทรีย์ ซึ่งมีการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยตัวเอง ทำให้ความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์โอ้กะจู๋เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนได้จากความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าจากเชียงใหม่มายังกรุงเทพฯ ชลบุรี และระยอง ตอกย้ำศักยภาพการเป็น ‘King of Organic Salad’ ของประเทศไทย
ขณะที่ผลการดำเนินงานตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ( 2564 – 2566) บริษัทฯมีรายได้รวม 803.0 ล้านบาท, 1,214.9 ล้านบาท และ 1,716.8 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 46.2% โดยมาจากการเติบโตของรายได้สาขาเดิมและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาใหม่ ประกอบกับการเติบโตของรายได้จากช่องทางการจำหน่ายอื่น ๆ ขณะที่งวดสามเดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 538.4 ล้านบาท เติบโต 48.2% จากงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก OKJ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้วเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีนี้
ปัจจุบัน OKJ มีทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 609.0 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 225.0 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 450.0 ล้านหุ้นโดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 26.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ในการขยายสาขา สร้างครัวกลางแห่งใหม่ เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน