รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.ชลบุรี เพื่อรู้จัก “ลุงฉ่อย” ผู้มีลีลาการขายข้าวโพดคั่วที่ไม่เหมือนใคร เพราะเดินเร่ขายไปด้วย ใช้ความสามารถเฉพาะตัว ร้องเพลงฉ่อยที่แต่งขึ้นสดๆ ในขณะนั้นไปด้วย ซึ่งไม่เพียงเป็นเสน่ห์ที่ประทับใจของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง แต่ยังช่วยให้ลุงสามารถขายข้าวโพดได้มากขึ้นอีกด้วย
เสียงร้องเพลงฉ่อยของหนุ่มใหญ่วัยกลางคน “บัณฑิต ศรีสระน้อย” หรือลุงฉ่อย ที่เดินเร่ขายข้าวโพดคั่วตามตลาดนัดและร้านอาหาร เป็นภาพที่คุ้นตาของหลายคนที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เพลงฉ่อยที่ลุงฉ่อยคิดและร้องสดๆ ตามสถานการณ์ ได้สร้างความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้า รวมทั้งช่วยให้การขายข้าวโพดคั่วของเขาดูน่าสนใจและขายได้ง่ายขึ้น
ก่อนจะมายึดอาชีพเร่ขายข้าวโพดคั่ว ลุงฉ่อยเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน“ผมเป็นพนักงานบริษัท ขับแม็คโคร เป็นมนุษย์เงินเดือน เราก็คิดว่า เราต้องทำงานทุกเดือนถึงจะมีเงินใช้ แต่มาเห็นเขาขายของกัน ขายบ้างไม่ขายบ้าง เขาก็ยังเป็นนายตัวเอง ผมก็เลยอยากเป็นนายตัวเองบ้าง ไปเจอคุณลุงคนหนึ่ง เขาขายป๊อปคอร์น ผมก็เลยไปขอศึกษากับท่าน ท่านก็ใจดี ให้ความอนุเคราะห์เมตตาสอนให้ ผมก็เลยออกจากงานมาขายป๊อปคอร์น”
ใช้ความสามารถที่มี มาช่วยในการขาย!
“ผมเห็นพี่ๆ ผู้พิการตาบอด ที่เดินร้องเพลงตามร้านหมูย่างบ้าง ร้านอาหารบ้าง พี่เขามีเสียงเพลงไปร้อง เขาก็ได้ตังค์ เราลองฉ่อยดูไหม ถามภรรยาดู เราลองฉ่อยขายข้าวโพดดูไหม ภรรยาบอก เธอกล้าหรือ ผมบอก กล้า ลองดูนะ ผมเลยแต่งเพลงฉ่อยตั้งแต่วันนั้นเลย”
“เอ่ง เงอ เงย... มาแล้วครับมาแล้ว ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล คั่วมาใหม่ๆ สดๆ คั่วเสร็จเอาใส่รถลงรถเดินขาย ขายให้เฉพาะคนซื้อ ถ้าเขาไม่ซื้อ แสดงว่าขายไม่ได้ เดินเรื่อยๆ แม้จะเมื่อยก็หยุดไม่ได้ เมียฉันที่มันสั่งมา แถมยังบอกว่าขายไม่หมดมึงตาย” ตัวอย่างเพลงฉ่อยที่ลุงฉ่อยคิดและร้องสดๆ โดยแฝงอารมณ์ขันเข้าไปด้วย
อาศัยครูพักลักจำ-ฝึกฝน จนมีความชำนาญการร้องเพลงฉ่อย
“(ถาม-การฉ่อยนี่เราไปเอาความรู้มาจากไหน?) อ.โย่งสิครับ อ.โย่ง (โย่ง เชิญยิ้ม) อ.นงค์ (นงค์ เชิญยิ้ม) อ.พวง (พวง เชิญยิ้ม) ไม่ต้องห่วง เพราะท่านเก่งหลายๆ ขนาดฉันแอบเป็นลูกศิษย์ ขอถามสักนิด ฉันเก่งไหม (ถาม-แล้วแอบเป็นลูกศิษย์นี่คือ?) ดูซีดีเอา ดูวันละ 40-50 รอบ (ถาม-แล้วต้องซ้อมไหม ก่อนจะไปขายได้?) ผมรู้จังหวะ รู้ทำนอง รู้ลงกลอนแล้ว ผมก็แต่งเองเลย”
“เมื่อก่อนผมหัดใหม่ๆ ผมถึงขั้นละเมอเลย ละเมอฉ่อย เมียปลุก (ถาม-แสดงว่าชอบมาก?) ชอบมากเลย อ.โย่ง อ.นงค์ อ.พวง เล่นแต่ละมุกนี่ ขนาดผมดูแล้วดูอีก ดูกี่รอบ ผมก็ขำทุกรอบ (ถาม-สิ่งที่เราชอบ หรือชอบดูหรือเอามาร้อง เหตุผลสำคัญคืออะไร?) เหตุผลจริงๆ เลยคือ อยากช่วยอนุรักษ์ไว้เพลงฉ่อย เหมือนที่อาจารย์เขาอนุรักษ์ไว้ เราคนไทยเราก็ต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือ เพลงขอทาน หลายอย่าง มันเป็นของไทยเรา”
หลังลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ จ.ชลบุรี ลุงฉ่อยย้ายไปทำมาหากินด้วยอาชีพค้าขายข้าวโพดคั่วกับภรรยาที่ จ.จันทบุรี ซึ่งสามารถทำรายได้อย่างงดงาม
“ถ้าอยู่เมืองจันท์ บางทีไม่พอขาย (ถาม-ไม่พอขายนี่ ทำวันหนึ่งกี่ถุง?) ก็ 300 ถุง ผมขายถุงละ 10 บาท ผมเคยเอาไป 380 ถุงก็ไม่พอขาย”
ในขณะที่ชีวิตกำลังมีความสุข มีครอบครัวสมบูรณ์ด้วยภรรยาและลูก การค้าขายก็ไปได้ดี แต่แล้ว! ชีวิตก็เหมือนสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จนต้องตัดสินใจหันหน้าเข้าหาทางธรรม พาตัวเองเข้าสู่เพศบรรพชิต
“ผมเสียภรรยาและลูกไปจากอุบัติเหตุ ผมก็หายจากเมืองจันท์ไป ไปบวช ห่อเหี่ยวใจยังไงไม่รู้ พอได้อยู่กับตัวเอง เหมือนตัวเองไม่มีค่า เราเคยมีคู่ชีวิต มีทุกอย่าง รถอะไรก็มี คือมีความสุข จู่ๆ เหมือนเขามาเอาความสุขไป”
หลังบวชอยู่หลายปี จนเข้าใจชีวิตและเหตุแห่งทุกข์ที่ทุกคนล้วนประสบพบเจอ ในที่สุด ลุงฉ่อยก็ตัดสินใจลาสิกขาเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 เพื่อออกมาดูแลพ่อที่แก่ชรา
“(ถาม-ช่วงชีวิตของการเป็นฆราวาส มันเจอกับความทุกข์การสูญเสียการเสียใจ พอเราไปบวชแล้ว ค้นพบอะไรบ้าง?) ผมคิดว่า คนเรา สิ่งที่ทำให้เสียใจที่สุด คือความรัก ยิ่งรักมากยิ่งเสียใจมาก ไม่ว่าคุณจะรักรถคันนี้ พอเสียรถ คุณก็เสียใจ รักผู้ชายคนนี้ รักผู้หญิงคนนี้ เสียคนนี้ คุณก็เสียใจ ความรักทำให้คนเสียใจเยอะ แต่พอผมบวชแล้ว รักทำให้ทุกข์อย่างที่พระว่าก็จริง ทุกวันนี้ผมเลยไม่คิดอะไร คิดว่าทำยังไงจะเลี้ยงดูแลพ่อ ทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้แค่นั้น”
“(ถาม-เราตั้งเป้าหมายก่อนจะสึกไหม เราจะทำอาชีพอะไรเพื่อจะดูแลพ่อ?) อาชีพนี่แหละ ป๊อปคอร์น ผมถือว่ามันสุจริตดี และเป็นอาชีพที่ผมรักด้วย (ถาม-แต่ตอนนั้นเป็นพระ สึกออกมา ก็ต้องใช้เงินในการลงทุนค้าขาย?) ผมอยากกล่าวตรงนี้ ถ้าผมไม่ได้น้องสะใภ้ กับน้องชายผม ผมก็คงไม่มีทุน เพราะผมเป็นพระ ผมไม่ได้ไปอยู่วัดที่ใหญ่โต มีพระอยู่ 3 รูป กิจนิมนต์ก็ไม่ค่อยมี ก็อยู่ไป เป็นพระไม่ต้องใช้อะไร บิณฑบาต ฉันเอา”
หลังสึกออกมา ลุงฉ่อยกลับมายึดอาชีพทำข้าวโพดคั่วขายอีกครั้งที่ จ.ชลบุรี
“7 โมงก็เตรียมคั่วข้าวโพด เสร็จก็ประมาณเกือบเที่ยง (ถาม-คั่วเตาร้อนๆ ทำคนเดียว?) คนเดียว ตอนขายอยู่จันทบุรี ขายได้มากสุดวันละ 380 ถุง 3,800 บาท แต่ขายที่ชลบุรีนี่ ขายได้มากสุดวันละ 180 ถุง 1,800 บาท”
“รถที่ใช้ขนของเดินทางไปขายข้าวโพดคั่ว ผมดัดแปลงเพื่อกันฝนและกันน้ำกระเด็นเข้า มีกระดานอัดอยู่ ก็เลยแปะๆ ไป (ถาม-เราเจอแดดเจอฝน ไม่ทำหลังคาด้วยหรือ?) อันนั้นเป็นโครงการที่จะทำต่อ อาจจะรื้อรั้วบ้านมาทำเป็นหลังคา (ถาม-เราเดินทางไปไกลแค่ไหนแต่ละวัน?) อย่างต่ำน่าจะ 30 กม. เวลาออกไปขาย ถ้าเจอขวด ผมก็เก็บขวดไว้ขายด้วย เป็นรายได้เสริม (ถาม-เจอที่ไหนก็เก็บ?) จะอายทำไม ทำกิน อายทำกินกับหมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา ก็พาอับจนสิครับ”
การร้องเพลงฉ่อยไปด้วย ขายข้าวโพดคั่วไปด้วย ไม่เพียงเป็นเสน่ห์ดึงดูดความสนใจให้ผู้พบเห็นอยากอุดหนุนข้าวโพดคั่วของลุงฉ่อย แต่เมื่อมีผู้สนใจบางรายถ่ายคลิปลุงร้องเพลงฉ่อยขายข้าวโพดคั่วไปโพสต์ในโลกโซเชียล ก็ทำให้ลุงเป็นที่รู้จักและขายข้าวโพดคั่วได้มากขึ้น
“ในแง่การขาย ผมพูดตรงๆ นะ ทีแรก ผมฉ่อย เขาก็ยังไม่เท่าไหร่นะ แต่พอคนถ่ายไปลงคลิปลงอะไร การตอบรับดีขึ้นมากเลย ในแง่ยอดขาย ผมไม่ได้หวังอะไรมาก จากหลักร้อย มาเป็นหลักพัน แค่หลักพัน ผมก็พอใจแล้ว”
“(ถาม-พอคนรู้จักเรามากขึ้น มันนำมาสู่โอกาสอะไรของเราบ้างไหม?) ผมคิดว่า ตอนนี้ผมยืนอยู่จุดนี้ มันคงจะพอสำหรับผมหรือเปล่า (ถาม-มีคนหยิบยื่นโอกาสให้ไหม อยากให้ไปแสดงที่นี่ที่นั่น หรือเอาของมาส่งหน่อยแล้วให้แสดง?) มี อย่างวันนี้ โทรมาจากศุลกากรแหลมฉบัง โทรมาสั่งข้าวโพด 250 ถุง ให้ผมไปด้วย ให้ช่วยร้องช่วยแหล่ฉ่อย (ถาม-ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนเทียบเชิญไปเป็นศิลปิน เพื่อไปแสดงเป็นอาชีพ หรือเป็นกิจลักษณะ คิดว่าจะผันตัวไปถึงตรงนั้นได้ไหม?) เขาบอกว่า ถ้ามีโอกาสให้คว้าไว้ ผมก็ไม่รู้ว่า สำหรับผมจะได้คว้าหรือเปล่า ถ้ามีโอกาสตรงนั้น ผมก็คงอยากลองทำดูนะ”
“(ถาม-ตอนนี้คนเริ่มรู้จักมากขึ้น ชีวิตเราต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรไหมกับสิ่งที่เข้ามา?) ไม่ สำหรับตัวผมจะไม่เปลี่ยนอะไร ขอเป็นตัวตนของผม อย่างที่ผมพูดเสมอว่า ความดังไม่คงที่ แต่จงทำความดีให้คงทน ผมจะยึดตรงนี้ไว้ จริงนะ คนเราเมื่อทำตัวอยู่บนฟ้า มันก็ไม่สามารถมองเห็นเม็ดดินที่อยู่บนพื้นได้ แต่เมื่อเราทำตัวติดดิน เราสามารถมองดาวและมองฟ้าได้”
“(ถาม-ถ้าจะให้แง่คิดกับสังคมในแง่ของการทำงานที่เรารัก คิดว่าอยากฝากอะไรกับคนในสังคม?) ผมคิดว่า คนเราถ้าทำงานอะไรที่ตัวเองไม่ได้รัก ถึงมันสำเร็จ มันก็ยังไม่ภูมิใจ ลองทำงานที่เรารัก ด้วยหัวใจของเราจริงๆ ถึงมันจะสำเร็จเพียง 1% ความภูมิใจก็จะเกิดกับเรา เพราะฉะนั้นทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ทำด้วยความรัก งานที่เรารักคือความสุข”
หากท่านใดต้องการอุดหนุนข้าวโพดคั่วของนายฉ่อย โทรไปได้ที่ 093-834-2977 หรือที่เพจเฟซบุ๊ก ข้าวโพดคั่วนายฉ่อย
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ข้าวโพดคั่วนายฉ่อย”
https://www.youtube.com/watch?v=8isfCz-CGlM
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อhttps://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อhttps://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos