รายงานพิเศษ "ลึกทันใจ" เผยแพร่ทางแฟนเพจ NEWS1 และ Tiktok newsonetiktok วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ตอน เปิดสูตร รัฐบาลเพื่อไทย ก้าวไกลอยู่หรือไป?
ความปราชัยของพรรคก้าวไกลในศึกส่งพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับมติเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นส.ส.ของนายพิธาและมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที ส่งผลให้นายพิธาต้องเดินออกจากสภาเป็นการชั่วคราวอย่างเลี่ยงไม่ได้
เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่เขย่าพรรคก้าวไกลพอสมควร เพราะยังมีคดีเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครองจากการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอีกคดี ส่งผลให้พรรคก้าวไกลอยู่ในภาวะไร้ผู้นำอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ที่เผชิญมาแล้วเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
จากนี้ไปการเมืองไทยกำลังจะเข้าสู่บทใหม่ โดยเปลี่ยนดารานำจากพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคเพื่อไทยที่จะทำหน้าที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเร่งรวบรวมเสียงให้ถึงเป้าหมายที่ 375 เสียงให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องเร่งเครื่องฟอร์มรัฐบาล เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นัดเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่27 กรกฎาคมนี้
เมื่อการเมืองเปลี่ยนทิศให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นมาผู้นำจัดตั้งรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทของพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แทนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ถึงสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลไว้หลายสูตร แต่มีสองสูตรสำคัญที่กำลังเป็นที่จับตามอง
สูตรที่ 1 สูตร 8 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมโดยมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อลดแรงต่อต้าน จากฝ่ายผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่อาจพุ่งเป้ามาที่พรรคเพื่อไทยโดยตรง เพราะมองว่าหากผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน อาจมีความเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งในครั้งหน้าอาจเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ยิ่งกว่าการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่สูตรนี้อาจต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากวุฒิสภาอีกครั้ง เพราะการมีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการตั้งรัฐบาลยังไม่อาจวางใจเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้เท่าใดนัก
สูตรที่ 2 สูตรที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เป็นสมการตั้งรัฐบาลที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากเห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นการการันตีว่าการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะไม่เกิดขึ้นตลอดอายุของรัฐบาลชุดนี้
โดยสูตรนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีพรรคร่วมรัฐบาลขั้วเดิมมาร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจะว่าไปแล้วการตั้งรัฐบาลภายใต้สูตรนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทยพยายามส่งสัญญาณแห่งความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลออกมาเป็นระยะ ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
เช่น การบอกว่าจะปล่อยให้การเลือกนายกรัฐมนตรีไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ได้ หรือ การประกาศว่าเวลานี้เป็นวาระของประชาชนที่รอรัฐบาลใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่วาระทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว
เป็นการแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ประมาทมวลชนของพรรคก้าวไกล จึงจำเป็นที่ต้องอดทนรอและความเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของนายพิธาสิ้นสุดลงไปเอง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทย และเวลานั้นได้มาถึงแล้ว