รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมาพาคุณผู้ชมไปรู้จัก “แม่กล้วย” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่พยายามทำงานทุกอย่างเพื่อหารายได้เลี้ยงดูลูก 2 คน พิการ 1 คน รวมถึงพ่อที่ป่วย และน้องชายที่พิการหูไม่ค่อยได้ยิน แม้รายได้ชักหน้าไม่ค่อยถึงหลัง พร้อมสู้ เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้
“แม่กล้วย” หรือ สิริทิพย์ ไตรเลิศกานต์ คุณแม่ลูกสอง ตัดสินใจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังลูกคนที่สองเกิดมาพร้อมกับภาวะป่วยพิการ และสามีไม่ได้มีท่าทีห่วงใยหรือคิดจะหาทางช่วยเหลือลูกแต่อย่างใด
“ที่เราแยกทางกัน ไม่ใช่เขาทิ้งเรา เขาไม่ได้ทิ้งแม่ แต่แม่ขอเป็นคนแยกทางกับเขาเอง เพราะ 1. แม่ลาคลอดแค่เดือนเดียว แม่ก็รีบกลับไปหาเงินเพื่อพาน้องซาตินไปหาหมอ แต่ ณ วันนั้น ลูกป่วย เขาลาออกจากงาน แม่ก็เห็นแล้ว อันนี้คือ คุณเป็นพ่อที่ไม่ใช่เป็นห่วงลูก ไม่คิดหาทางช่วยเหลือลูก 2.เขายังใช้ชีวิตเหมือนเดิม สิ่งที่ไม่ดีๆ ที่เราขอไว้ เขาก็ทำให้ลูกไม่ได้ ก็ 4 ปีเท่ากับอายุซาติน ก็ไม่เคยขอเงินเขาสักบาทเลย”
แม่กล้วยตัดสินใจออกจากงานประจำ มาเป็นแม่ค้าขายน้ำแข็งไสที่หน้าห้องเช่าใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดูแลลูกชาย 2 คน วัย 6 ขวบ และ 4 ขวบ รวมถึงพ่อที่ป่วย และน้องชายที่พิการหูไม่ค่อยได้ยิน
“ตอนนี้พ่ออายุ 74 แกเป็นโรคหัวใจ และเป็นสโตรก ได้รับยาที่อนามัย ตอนนี้จะคอยเวียนหัว แต่อาการโรคหัวใจไม่ได้กำเริบอะไร ตอนกลางคืนนอนไม่หลับแค่นั้น”
“ส่วนน้องชายปัจจุบันอายุ 30 พิการหู เรามารู้ตอนเขาอยู่ ป.2 ทาง รพ.เด็กเขาฟันธงว่า เป็นพิการหู หูซ้ายหนวก หูขวาตึง แต่เราไม่มีเครื่องช่วยฟัง เขาก็ไม่กล้าไปสื่อสารหรือไปทำงานข้างนอก เขาจะใช้ภาษามือไม่เป็น ใช้อ่านปาก พูดได้ เรียนแค่ ป.1 แต่เขาสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้ แต่เขาไม่กล้าสื่อสารกับคนนอกครอบครัว ไม่มีอาชีพ”
ลูกชายคนที่สองโชคร้าย เกิดมาพิการจากโรคกะโหลกศีรษะปิดเร็ว!
“น้องโตโต้ ลูกชายคนโตเป็นภูมิแพ้จมูก แต่อาการไม่กำเริบแล้ว น่าจะได้หยุดยา เป็นหอบ ต้องระวังช่วงอากาศเย็น หรือฝนตก หรือหน้าหนาว ส่วนน้องซาติน ลูกชายคนเล็ก เป็นโรคเอเพิร์ตซินโดรม คือโรคกะโหลกศีรษะปิดเร็ว ปิดตั้งแต่ในท้อง ปิดตอนไหนแม่ไม่รู้ เพราะตอนที่ซาวด์ หมอบอกว่าปกติ หัวปกติ มือเท้าปกติ โรคนี้จะมาเจอกันก็ต่อเมื่อน้องออกมาจากท้องแม่”
“เขาคลอด 3 โลครึ่ง ที่เราเห็นตอนนั้นคือ ผิวเขาดำ หน้าเขาแบน หัวก็แบน หน้าเขาจะไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป ทุกอย่างแบนราบหมด ขนตาไม่มี ขนคิ้วไม่มี เขาอยู่ในตู้อบ จะมีสายระโยงระยาง น้องน่าจะเป็นคนแรกของ รพ.อยุธยาที่มีเอเพิร์ต”
“อวัยวะส่วนอื่นของน้องที่เราเห็นภายนอกคือ มีมือและเท้าที่ติดกัน จะเป็นก้อนเดียวกัน และโผล่แค่นิ้วโป้งให้น้อง เท้าก็ติดกันตั้งแต่เด็กเลย หมอผ่าตัดแยกนิ้วให้ แต่น้องกำมือไม่ได้ น้องไม่มีข้อ จะเป็นกระดูกยาวตรงไปเลย”
ต้องผ่าตัดรักษาน้องซาตินเป็นระยะ!
“ที่ผ่านมา 4 ปี ผ่ากะโหลกมา 6 ครั้งแล้ว (ถาม-อุปกรณ์ตรงศีรษะน้องมีไว้ทำอะไร?) ไว้ยึดติดกับกะโหลก เพื่อที่เราต้องหมุนตรงปลายเสา เพื่อให้กะโหลกขยายหรือเปิดไป เปิดมีเนื้อที่พอให้กับสมองของน้องเจริญเติบโตออกมา (ถาม-แล้วเราจะรู้ได้ยังไงช่วงไหนควรจะขยาย?) อาจารย์หมอจะสอนก่อนออกจาก รพ. แม่ต้องขยาย ต้องหมุนวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 0.5 มิลฯ เท่ากับน้องวันหนึ่งจะขยายกะโหลกวันละ 1 มิลฯ อันนี้ขยายมา 21 วัน คือ เท่ากับ 21 มิลฯ (ถาม-ต้องทำต่อเนื่องไปถึงเมื่อไหร่?) หยุดไปแล้ว ตอนนี้ได้รอบหัวประมาณ 55 ซม.เพียงพอสำหรับอาจารย์แล้ว มีเนื้อที่พอ พอเราหยุดหมุนปุ๊บ เราต้องรอให้กะโหลกมันปิดประมาณ 2 เดือน เราถึงจะถอดอุปกรณ์นี้ได้ อนาคตก็ไม่ต้องใส่อุปกรณ์อย่างนี้ เดี๋ยวถอดไปให้คนต่อไป (ถาม-เวลาใส่อยู่อย่างนี้น้องเจ็บไหม?) ไม่ เขาก็ใช้ชีวิตปกติ วิ่งเล่นได้”
การเรียนรู้ช้า แต่พัฒนาได้!
“(ถาม-แล้วเรื่องพัฒนาการเรียนรู้หรือสมองของน้อง?) ช้า แต่ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ ตอนนี้ที่หาหมอพัฒนาการล่าสุดคือ เทียบเท่ากับอายุน้องแล้ว น้องเรียนอยู่ที่การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด ครูก็บอกว่าน้องเก่ง น้องสามารถทำได้หมดเลย ทำได้อย่างที่ครูสอน ร่วมกิจกรรมได้หมด ตอนนี้เหลือพูด น้องจะมีปัญหาตรงเพดานยกสูงด้วย ยังออกเสียงไม่ชัด ต้องฝึก ตอนนี้พูดได้เป็นคำเดียว เราก็พยายามฝึกนะ รุ่นพี่ที่เขาเป็น เขาก็บอก อดทนนะแม่ เดี๋ยวน้องพูดได้”
แม่พยายามให้น้องซาตินฝึกช่วยเหลือตนเอง!
“น้องขับถ่ายได้ปกติ แม่ไม่ได้ใส่แพมเพิสให้ กินข้าว กินน้ำ กินนม ทำเอง เจาะนมกล่องเอง กินเอง หาเอง จับช้อนทานได้เอง เขาจับช้อนได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ผ่าตัดแยกนิ้วด้วย อาจารย์หมอบอกว่า เด็กพวกนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเขาหาวิธีของเขาเอง เขาก็พยายามช่วยเหลือตัวเอง พยายามถอดกางเกเอง แม่จะให้เขาทำเองมากกว่า ถ้าทำไม่ได้ ถึงจะยื่นมือเข้าไปช่วยเขา”
เพราะมีภาระต้องรับผิดชอบดูแลอีก 4 ชีวิต แม่กล้วยจึงพยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อให้มีรายได้หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในครอบครัว ได้มากได้น้อยไม่เคยเกี่ยง
“ตอนนี้ขายลูกชิ้น ขายของ หรือไม่ก็สั่งอาหารแห้งมาขายในเน็ตด้วย แต่ถ้าที่หอพัก ก็จะไปขายลูกชิ้น และรับจ๊อบ ไปไหนแม่ก็ไปทำให้เขา อย่างเพื่อนที่ทำงาน เขาท้อง ก็จ้างแม่ไปเป็นเพื่อนเดินบัตร ขี่รถพาเขาไป (ถาม-แล้วลูกเรา?) ก็ให้คุณยายและคุณตาที่อยู่ในหอพักดู บางทีเขาให้วิ่งไปซื้อโน่นนี่หน่อย ค่ารถ 10-20 บาท แม่ก็ไปซื้อให้เขา ไปส่งให้ คุณยายก็มานั่งเฝ้าร้านให้เรา (ถาม-วันหนึ่งขายเท่าไหร่?) อย่างเมื่อวานก็ได้ 100 เมื่อวานซืนไม่ถึง 100 (ถาม-แล้วค่าใช้จ่ายพอใช้หรือ?) ต้องหยอด มันไม่พอหรอก แต่ก็ต้องอดทน มันไปที่ไหนไม่ได้”
นอกจากขายของแล้ว แม่กล้วยยังทำถุงผ้าน้องซาตินขายผ่านออนไลน์เป็นรายได้เสริมอีกทาง
“แม่ทำถุงผ้าตั้งแต่น้องแรกเกิดเลย ขายในออนไลน์ เพจเฟซบุ๊ก ติ๊กต็อกของแม่ (ถาม-เราไปเอาไอเดียมาจากไหน?) เราอยากหารายได้เพิ่ม คิดอยู่ว่าจะทำอะไร เราเห็นว่าน้องเขาจะมีสตอรี่ของเขาคือ การผ่าตัดแต่ละครั้ง เขาจะเปลี่ยนแปลง อย่างหน้าเขาจะผ่าตัด เขาจะเปลี่ยนแปลงไปตลอด แม่เลยหยิบเป็นตัวเขาขึ้นมา ลงถุงผ้า”
“ถุงผ้าถ้านับถึงตอนนี้ก็ 5 รุ่นแล้ว ขายใบละ 100 วิธีการทำถุงผ้า เราถ่ายรูปน้อง แล้วส่งไปให้ช่างร้านถุงผ้าทำ ที่แม่ทำถุงผ้าไม่ใช่แค่ต้องการเงินอย่างเดียว แต่มันเป็นความสุขที่แม่ได้ทำเขาออกมา โตขึ้นเขาจะได้รู้ว่าแม่ตั้งใจแค่ไหน (ถาม-น้องซาตินมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน?) สำหรับแม่ทุกคน เขาก็บอกลูกสำคัญที่สุด แต่สำหรับแม่ ซาตินก็เป็นชีวิตของแม่อีกชีวิตหนึ่งเลย ถ้าขาดแม่ เขาก็ไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นชีวิตเราและชีวิตเขา ต้องเดินคู่ไปด้วยกัน”
สำหรับการรักษาลูก แม่กล้วยต้องเดินทางพาลูกจากอยุธยาเข้ามาหาหมอที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ เป็นระยะตามที่หมอนัด
“น้องรักษาฟรี โครงการพระเทพฯ แต่ค่าเดินทางไป รพ. เราก็หาไป ครั้งหนึ่ง 700-800 (ถาม-ไปยังไง?) ขึ้นรถตู้กันไป ขึ้นรถตู้ในเมือง และไปลงหมอชิต และนั่งแท็กซี่ต่อ ช่วงโควิด เราก็ไม่อยากให้น้องไปเจอคนเยอะๆ เลยให้น้องขึ้นแท็กซี่ไปก่อน”
“ปกติรายได้ที่หาได้ เก็บจ่ายค่าห้องเท่านั้น แต่ถ้าน้องต้องใช้ไป รพ. ก็เอาให้น้องก่อน แล้วให้เหตุผลกับทางเจ้าของหอพัก (ถาม-เรามีแผนสำรองไหมว่า จะกลับไปทำงานที่เราถนัดอีกครั้ง?) ก็คิดอยู่ว่า เราถนัดงานด้านบริการมาก็ 6 ปีกว่า ทำงานแคชเชียร์เราก็ทำได้ ก็คิดอยู่ว่า ถ้ามีเจ้าของร้าน ห้างตรงไหนที่เมตตา รู้ว่าเรามีปัญหา มีภาระตรงจุดนี้ ให้เราไปทำงานได้ เราก็ไป (ถาม-เคยไปสมัครไหม หลังจากที่ตกงานมา?) ยัง เพราะอยากให้เรื่องการผ่าตัดน้องผ่านพ้นไปก่อน”
หวังให้ลูกอยู่ได้ ในวันที่ไม่มีแม่!
“แม่เชื่อมั่นในอาจารย์หมอทุกท่านเลย ว่าจะทำให้ลูกแม่ดีขึ้นได้ แม่หวังแค่ให้เขาอยู่ในสังคมนี้ให้ได้ในวันหนึ่งที่ไม่มีแม่ เขาสามารถเดินอยู่ในสังคม สามารถไปที่ไหน ก็ไม่มีคนรังเกียจเขา แม่ก็ไม่รู้ว่า อนาคตหน้าตาเขาจะดีหรือไม่ดีหรือจะแย่แค่ไหน ขอแค่ให้เขาได้อยู่ในสังคมนี้ได้ ในวันที่แม่ไม่อยู่”
“แม่ก็ไม่รู้หรอกนะว่า วันข้างหน้าแม่จะเป็นยังไง แม่ก็จะทำวันนี้ให้มันดีที่สุด ทำเพื่อพวกเขา เรายังบอกไม่ได้หรอกว่า วันข้างหน้าเรายังอยู่หรือไม่อยู่ แต่ ณ ตอนนี้ที่เรามีแรง แม่ก็จะหาทางทำให้ได้เพื่อพวกเขา”
หากท่านใดต้องการอุดหนุนกระเป๋าผ้าน้องซาติน ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “กิตติกวิน-กฤติน ไตรเลิศกานต์” หรือต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวสิริทิพย์ ไตรเลิศกานต์ เพื่อเด็กชายกฤติน ไตรเลิศกานต์ เลขบัญชี 4-111-58865-2
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “คุณแม่หัวใจไม่แพ้”
https://www.youtube.com/watch?v=11oQqKWMhtQ
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อhttps://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อhttps://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos