เอกชน หวังตั้งรัฐบาลใหม่ตามไทม์ไลน์ภายในส.ค.

ภาคเอกชน คาดหวังได้รัฐบาลใหม่ ตามไทม์ไลน์ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ห่วงล่าช้า จะกระทบเศรษฐกิจปีนี้ อาจโตแค่ 2 % จากเดิมคาดไว้ว่า จะโตไม่ต่ำกว่า 3%


คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จัดประชุมคณะกรรมการประจำเดือนมิถุนายน โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธาน กกร. เป็นประธานในการประชุม ,นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานร่วม

ที่ประชุม กกร. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค โดยยังคงกรอบการเติบโตของจีดีพี ปี 2566 โต 3 - 3.5% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 เดือนแรก เข้ามาสูงกว่า 8 ล้านคน คาดว่า ทั้งปี จะมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน แต่การส่งออก ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คาดว่า ทั้งปีจะติดลบ 1 ถึง 0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่า จะอยู่ในกรอบ 2.7-3.2 %

กกร.มองว่า เงินเฟ้อ ยังเป็นปัจจัยท้าทาย ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะยังปรับขึ้นต่อ โดยมีปัจจัยที่อาจกระทบต่อเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ หากปรับขึ้นเป็น 450 บาทต่อวัน อาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึง 0.82%

ขณะเดียวกัน กกร.กังวลสถานการณ์ภัยแล้ง เป็นเรื่องที่มีผลกระทบในระดับสูงในภาวะที่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหา เอลนีโญในปีนี้ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ 36,000 ล้านบาท โดย กกร. ได้มีการทำหนังสือส่งถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เสนอให้เร่งจัดทำมาตรการรับมือภัยแล้ง ทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว นอกจากนี้ ที่ประชุม มองว่าปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม เป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสของประเทศ ภาครัฐควรบูรณาการแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ กกร.ต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เป็นไปตามไทม์ไลน์ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะหากล่าช้า ออกไป 2-3 เดือน จะกระทบความเชื่อมั่นการลงทุนและการบริโภค และหากเกิดสถานการณ์รุนแรง มีการประท้วง จะมีผลต่อจีดีพี ที่อาจจะเหลือเพียง 2-2.5% รวมทั้งทำให้นักลงทุนต่างชาติ นักท่องเที่ยว หนีไปประเทศอื่น