xs
xsm
sm
md
lg

จี้กรมศุลฯ ใช้กฎหมายในมือจริงจัง โปร่งใส เอาผิดขบวนการหมูเถื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ,นักวิชาการ กดดันทุกวิถีทางกระตุ้นภาครัฐออกมาปราบปรามขบวนการหมูเถื่อนอย่างจริงจัง

โดย : อาบอรุณ ธรรมทาน นักวิชาการอิสระ

“หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่เป็นประวัติการณ์ที่โดนจับกุมเมื่อไม่นานมานี้จำนวน 4.5 ล้านกิโลกรัม พบในตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง 161 ตู้ นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ที่กดดันทุกวิถีทางกระตุ้นภาครัฐออกมาปราบปรามขบวนการหมูเถื่อนอย่างจริงจัง เพราะทำให้ราคาในประเทศบิดเบื่อนต่ำกว่าหมูไทย 40-50% โดยเฉพาะหมูเถื่อนจากบราซิลที่หมูมีชีวิตหน้าฟาร์มราคาเฉลี่ยเพียง 40-50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่หมูจากสหภาพยุโรปราคา 50 บาทต่อกิโลกรัม ลักลอบมาถึงประเทศไทยสามารถขายได้ในราคา 100 บาทต้นๆต่อกิโลกรัม ขณะที่หมูไทยราคา 200 บาท ซึ่งประเมินว่าหมูเถื่อน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ สามารถทำกำไรขั้นต่ำได้ 1 ล้านบาท ก็เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท จึงเป็นเหตุจูงใจให้มีการลักลอบนำเข้าต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

“หมูเถื่อน” ที่จับได้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าขบวนการมิจฉาชีพหากินบนความทุกข์ยากของผู้เลี้ยงหมูไทย แต่ที่ผ่านมาได้ทั้งของกลางและรายชื่อผู้ทำผิดกฎหมาย แต่กรมศุลกากรกลับไม่ฟ้องร้องกล่าวโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากร พ.ศ. 2560 จึงไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำถึงที่สุดได้ เพียงแค่ส่งของกลางให้กรมปศุสัตว์ทำลายแล้วถือว่า “ปิดจ๊อบ” ใครอยากทำอะไรมากกว่านี้ไปดำเนินการต่อเอง...แบบนี้ไม่ถือว่ารับผิดชอบต่อหน้าที่ เพราะสังคมตั้งข้อสังเกตและมีคำถาม ว่า เหตุใดกรมศุลกากร จึงตรวจไม่พบซากสุกรผิดกฎหมายที่ซุกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ค้างปีอยู่หน้าท่าเรือเป็นคนแรก และที่หลุดรอดออกมาจับได้ที่ห้องเย็นในจังหวัดต่างๆ กระบวนตรวจสอบหละหลวมหรือละเลย จึงพลาดหลายครั้ง

ขั้นตอนตรวจสอบที่กรมศุลกากร มีความชำนาญอยู่แล้ว ทำได้ไม่ยาก หากตั้งใจตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง เริ่มจากตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์อย่างโปรงใสทุกตู้ด้วยเครื่องสแกนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ที่ผ่านมากลับมีตู้สินค้าได้รับอภิสิทธิ์ไฟเขียว (Green Line) ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ ซึ่งกรมฯให้เหตุผล ว่า ผู้นำเข้าสำแดงเท็จว่าเป็นอาหารทะเลหรือปลา จึงตรวจไม่พบ “หมูเถื่อน” ทั้งที่มีการชี้เบาะแสโดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ได้รับการตอบรับจากกรมฯ ด้วยการออกแรงจับกุมหมูเถื่อนจริงจังในปี 2565 เพียง 7 ครั้งเท่านั้น ได้หมูเถื่อน 55.10 ตัน เท่านั้น ที่สำคัญเป็นการจับกุมนอกท่าเรือฯ ทั้งสิ้น และร่วมกับหน่วยงานอื่นอีก 10 ครั้ง ได้หมูเถื่อน 162.24 ตัน


ล่าสุด กรมศุลกากร ยื่นหนังสือต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว ในความผิดฐานนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต (ภายใต้ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558) เนื่องจากที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีความกังวลใจ เนื่องจากอาจทำให้กลไกตลาดมีความเสียหาย เกิดการระบาดของโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (AFS) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตสุกรของประเทศไทย ความมั่นคงทางด้านอาหาร และความเสี่ยง ที่จะเกิดขึ้นกับสุขอนามัยของผู้บริโภคภายในประเทศ 

กรมศุลฯ อาจจะลืมไปว่าความผิดพื้นฐานของ “หมูเถื่อน” คือ นำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากร พ.ศ. 2560 เหตุใดจึงไม่ฟ้องร้องในกรณีนี้?

วันนี้ หลักฐานชัดมัดแน่นผู้กระทำผิด รอเพียงกรมศุลกากร เป็นผู้กล่าวโทษฟ้องร้องต่อตำรวจให้ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถูกต้อง ตรงกับกฎหมายของกรมฯ ตำรวจจะได้เดินหน้าสืบสวนคดีในเบื้องลึกได้ต่อไป และสามารถส่งเรื่องผู้กระทำผิดกรณี “หมูเถื่อน” ต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เป็นการเปิดเผยโฉมหน้าผู้กระทำผิดตัวจริงให้สังคมได้รับรู้และได้รับการลงโทษสมกับความผิดอย่างโปรงใส.






กำลังโหลดความคิดเห็น