สกสว. และ ส.อ.ท. ร่วมขับเคลื่อนโครงการ ‘กองทุนอินโนเวชั่นวัน’ หนุนสตาร์ทอัพ - SMEs เข้มแข็ง เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำโดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เปิดตัวโครงการ ‘กองทุนอินโนเวชั่นวัน’ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หนุนการจับคู่ระหว่างธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมกับ SMEs ในเครือข่าย ของ ส.อ.ท. ที่มีความต้องการนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง และผลักดันสตาร์ทอัพสู่การเป็นยูนิคอร์นในประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ส.อ.ท. ถือเป็นภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1 พันล้านบาทจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในการดำเนินโครงการ ‘กองทุนอินโนเวชั่นวัน’ ภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี
ด้านศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมา การนำงานวิจัยมายกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทย และการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยให้มีการเติบโต ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศนั้นยังมีอีกหลายข้อที่สามารถเพิ่มเติมให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นโครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” จึงถูกออกแบบและจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สตาร์ทอัพไทยได้มีโอกาสเข้าถึงตลาด โดยเฉพาะตลาดภาคอุตสาหกรรมเพื่อทำให้สตาร์ทอัพไทยสามารถเติบโตได้ และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพได้ด้วย
โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน จึงเป็นโครงการกองทุนแนวคิดใหม่ที่ทางกระทรวงฯ เห็นว่าจะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศได้ ผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า เราพร้อมเดินหน้าดำเนินโครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และมีฝีมือด้านเทคโนโลยีให้เติบโตได้ภายในประเทศ และสามารถก้าวไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ โดยจะเชื่อมต่อธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมเข้ากับ SMEs ภาคอุตสาหกรรมในเครือข่ายสมาชิกของเราที่ต้องการนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับนโยบาย ONE FTI ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในวาระปี 2565-2567 นี้ และเรามุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติงานที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า “คณะกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) มอบอำนาจให้ สกสว.จัดสรรเงินให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามหนังสือแสดงเจตจำนงภายใต้กรอบวงเงินที่ กสว. อนุมัติ 1 พันล้านบาท และให้รายงานต่อ กสว.เพื่อรับทราบการจัดสรรเงินภายใต้โครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” โดยได้ออกแบบโมเดลการดำเนินงานเพื่อให้ภาคเอกชนเข้าร่วมทุนกับภาครัฐ ทั้งแผนการลงทุน แผนการดำเนินงานโครงการ การจัดเตรียมกรอบและแผนการเบิกจ่ายเงินเพื่อจับคู่กับกรอบวงเงินที่ภาคีภาคเอกชนแจ้งมา โดยโครงการฯ จะทำการจัดหา SMEs ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพ”
สกสว. เป็นหน่วยงานกลางของประเทศที่มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศในทุกด้าน เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน ภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562
ดร.วิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล รองเลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวเสริมว่า โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน ยึดหลักธรรมาภิบาลและประสิทธิภาพควบคู่กัน โดยโครงการฯ มุ่งหวังให้เกิดการสนับสนุนด้านการเงินให้กับสตาร์ทอัพและ SMEs ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเน้นเป้าหมายไปที่การนำเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพมายกระดับภาคอุตสาหกรรม SMEs อย่างน้อย 5 โครงการในปี 2566 ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวของสตาร์ทอัพและ SMEs เข้าสู่การได้รับเงินสนับสนุนในรอบถัดไปอย่างน้อย 3 โครงการ และผลักดันโครงการ
ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมองค์รวม ตามแนวทาง BCG ที่ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) รวมถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไปพร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve) อย่างน้อย 2 โครงการ
โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจนวัตกรรม ส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย พัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผ่านแนวคิดนวัตกรรมแบบเปิดในภาคเอกชน
ภายในงาน ยังได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัท ซียู เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมาร่วมดำเนินงานในโครงการนี้ โดยการนำร่องนี้ จะมีการจับคู่ทำงานร่วมกับบริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด (HiveGround) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีเข้ามาในภาคการเกษตร สู่เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) โดยเป็นหลักการบริหารจัดการเพาะปลูกเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และนำ Agritech มาบูรณาการเข้ากับการเกษตรแบบดั้งเดิม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีการเกษตรของโลกอย่างยั่งยืน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานกรรมการ บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อินโนสเปซ ยินดีที่ได้ร่วมผนึกกำลังที่จะขับเคลื่อนโครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน โดยจะนำจุดแข็งของอินโนสเปซที่เน้นการส่งเสริมการลงทุนใน Early -Stage และการวิเคราะห์ความเหมาะสมด้านนวัตกรรมของสตาร์ทอัพผลักดันให้สตาร์ทอัพมีโอกาสขยายธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการเชื่อมโยงตลาดนวัตกรรมเพื่อช่วยต่อยอดเรื่อง Innovation Driven Enterprise