รายงานพิเศษ "ลึกทันใจ" เผยแพร่ทางแฟนเพจ NEWS1 และ Tiktok newsonetiktok วันที่ 27 เมษายน 2566 ตอน เปิดลับ เผยผลสอบ ใครสั่ง ตร.ท่องเที่ยว เข็นกระเป๋าทนายตั้ม
สงครามน้ำลายระหว่าง “มหาโจร” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ “ทนายไฮโซ” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กลายเป็นประเด็นร้อนถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องสั่งสอบสวนข้อเท็จจริง
กรณีคลิปที่นายชูวิทย์เอามาโพสต์ มีตำรวจเข็นกระเป๋าเดินทางให้ทนายตั้มและภรรยา ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เป็นอย่างไร? ผลการสอบได้ข้อมูลแล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. 2565 หรือปีที่แล้ว เท่ากับเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่พล. ต.ท.สุคุณ พรหมายนต์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวคนปัจจุบันจะมารับตำแหน่ง
กลุ่มตำรวจท่องเที่ยว ที่ไปดูแลทนายตั้มถึงสนามบิน ขณะนี้รู้ข้อมูลว่า ระดับ รองผกก.คนหนึ่ง เป็นคนสั่งการไปถึงร้อยเอก ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ให้ดำเนินการภารกิจ อน. หรืออำนวยความสะดวก
จึงมีการส่งตำรวจไปรับทนายตั้มและภรรยา ที่บริเวณหน้าประตู พาเข้าไปยังเคาน์เตอร์เช็กอิน
ตำรวจท่องเที่ยวที่ไปดูแลทนายตั้ม ไม่ได้มีการช่วยเหลือในลักษณะลัดขั้นตอน ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎระเบียบการเดินทาง เข้าออกสนามบินแต่อย่างใด
เป็นการดำเนินการตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว ทำตามที่ได้รับคำสั่ง แต่อาจจะบริการเป็นกรณีพิเศษอยู่บ้าง เนื่องจากรองผู้กำกับการคนสั่ง มีความคุ้นเคยกับทนายตั้ม
สำหรับเทพ จ.ที่ชูวิทย์พาดพิงถึง คงจะหมายถึง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.จะรู้เรื่องหรือไม่ จะรู้เห็นหรือไม่ก็ไม่สำคัญเพราะไม่ใช่คนสั่งไปถึงร้อยเวรที่สนามบิน
แต่เรื่องที่นายชูวิทย์ แซะทนายตั้มรัวๆ เรื่องไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมแพงๆ จากต่างประเทศ กลับมาใส่มาอวด มาเป็นของขวัญให้ใคร ถือเป็นกลวิธีของนายชูวิทย์ ที่จะดิสเครดิตทนายตั้ม
เพียงแต่คนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เรียกว่าคนรวย ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ที่จะซื้อหาความสุขใส่ตัว
แต่สำหรับทนายตั้ม ของแพงของหรูเหล่านั้น กลับกลายเป็นทุกขลาภ ก็เพราะเป็นสงคราม มุ่งทำลายล้างกันทุกวิถีทาง ระหว่างคนชื่อ “ชูวิทย์” กับ “ทนายตั้ม” นั่นเอง