รายงานพิเศษ "ลึกทันใจ" เผยแพร่ทางแฟนเพจ NEWS1 และ Tiktok newsonetiktok วันที่ 16 เมษายน 2566 ตอน ยุบเพื่อไทย ไม่ไกลเกินจริง จูงใจแจกเงินดิจิตอล
ยังอึมครึม ครึ่งๆกลางๆ สำหรับนโยบายพรรคเพื่อไทย แจกเงินวอลเล็ตดิจิตอลให้คนไทยทุกคนถ้วนหน้าที่มีอายุ16 ปีขึ้นไป ในวันนี้ยังไม่สามารถแจงรายละเอียดบทวิเคราะห์ให้กกต.ดู เพื่อว่ากกต.ผู้คุมกฎจะyes หรือnoกับนโยบายนี้หรือไม่
กกต. ไม่ใช่หัวหลักหัวต่อแต่มีอำนาจหน้าที่เด็ดขาดในช่วงเลือกตั้ง ยิ่งนโยบายหาเสียงกกต. เป็นผู้ชี้ขาด มีอำนาจวินิจฉัยและสั่งห้ามนโยบายนั้น เมื่อพบว่าทำจริงไม่ได้ หรือสุ่มเสี่ยงเกินไป เพื่อป้องกันการหลอกลวงประชาชน และความเสียหายที่จะตามมาแก่บ้านเมือง
ถ้านโยบายแตก10,000บาทเป็นเงินดิจิตอล มีความล่อแหลมต่อการปฏิบัติ ที่ทำจริงไม่ได้ และยังคลุมเครือว่าเอาเงินมาจากไหน ใช้เงินเท่าไหร่ ทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ และเสี่ยงต่อความเสียหายหรือไม่
ประเด็นเหล่านี้ หากเพื่อไทยตอบให้เคลียร์ชัดเจนไม่ได้ ก็จะถือเป็นนโยบายหลอกลวง ตีกินจูงใจหาเสียง เข้าข่ายความผิดข้อหาสัญญาว่าจะให้ ก็จะมีโทษทางการเมือง
นอกจาก ตามหลักการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแล้ว การที่เพื่อไทยทำล้ำสมัยแจกเงินในรูปของคูปองเป็นเงินดิจิตอล ก็ถูกมองว่าเป็นการออกเงินตราซ้ำซ้อนกับเงินบาทเดิม หรือไม่
ซึ่งถ้าจะทำให้ไม่ผิด ก็ต้องตราเป็นกฎหมายออกมารองรับ ประเด็นออกเงินตราใหม่นี้ต้องไปว่ากันอีกยาวในสภา ต่อไป
และข้อสงสัยที่มาล่าสุด ก็มีคนจี้เรื่องระบบการแจกเงินดิจิตอล ที่มีบล็อกเชนเป็นระบบจัดการข้อมูล โดยมีแนวโน้มว่า งานนี้จะโยนให้เอกชนบางรายที่เตี้ยมกันไว้มาทำ ก็มีคนเป็นห่วงว่า จะเป็นการหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวประชาชน ไปใช้แสวงหาประโยชน์ต่อไปหรือไม่ ซึ่งผิดกฎหมายอาญาซ้ำอีกเรื่อง
เพื่อประโยชน์ทุกปวง เพื่อไทยจะต้องจัดส่งบทวิเคราะห์ให้กกต. วินิจฉัย แล้วยังต้องเปิดเวทีให้ประชาชนซักถาม เพื่อตอบประเด็นข้อสงสัยที่มีเงื่อนงำทุกประเด็น โดยเร็ว
ด้วยที่ตอนนี้ กกต.ยังไม่ได้รับรายงานวิเคราะห์นโยบายวอลเล็ตดิจิตอล จึงเชื่อว่า เพื่อไทยยังไม่ได้วิเคราะห์นโยบายนี้อย่างตกผลึก ก็เลยเงียบนิ่งอยู่ อย่างไรก็ตามวันอังคารที่18 เมษายนนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เพื่อไทยจะต้องไปชี้แจงกับ กกต. ไม่งั้นจะมีโทษตามกฎหมาย และโทษทางการเมืองตามมาแน่
ถ้าเพื่อไทยเพิกเฉย ปัญหานี้ ก็จะมีปัญหาตามมาคือถ้าผู้สมัครคู่แข่งในแต่ละเขต ยื่นร้องคัดค้านต่อ กกต.ว่า ผู้สมัคร เพื่อไทยหาเสียงนอกกรอบการวิเคราะห์ตามม.57 พรป. พรรคการเมือง ซึ่งในสนามเลือกตั้งมีการนำนโยบายแจกเงินดิจิตอลไปหาเสียงกันแล้ว นับว่ามีเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว
กับปมมีการหาเสียงนอกกรอบนโยบาย เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำวิเคราะห์ไว้
การหาเสียงลักษณะดังกล่าวจึง ส่อว่าเป็นการหาเสียงด้วยวิธีการหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดว่าพรรคมีการวิเคราะห์นโยบายไว้
ต่อประเด็นนี้ กฎหมายบัญญัติไว้เอาผิดพวกหาเสียงทีที่คุยโม้โอ้อวด เพ้อฝัน ทำไม่ได้จริงอย่างแน่แท้ ก็เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73 ( 5 )กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส และมาตรา 74 หาเสียงโดยขัดหรือแย้งกับนโยบายของพรรคการเมืองที่วิเคราะห์ไว้ (หรือกรณีไม่ได้มีการวิเคราะห์นโยบายไว้)จะมีผลถึงใบแดงใบดำและยุบพรรคค่อนข้างชัดเจน
เมื่อผู้สมัครโดนเล่นงาน แบบแบ่งเขตรายคน คดีก็จะเชื่อมโยงไปถึงพรรคในที่สุดเอง เพื่อไทยจะโดนยุบพรรค จึงไม่เกินจริง