รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “แม่กบ” ที่ไม่เพียงอุบัติเหตุทำให้ลูกสาวคนเดียวต้องพิการติดเตียง แต่ยังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำงานหาเลี้ยงลูกเพียงลำพังมานาน 30 กว่าปี แม้สถานการณ์โควิดและอายุที่มากขึ้น ทำให้งานหายาก แต่หัวใจแม่ที่รักลูก พร้อมสู้ทุกทาง เพื่อให้ลูกอยู่ได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน "น้องต่อง" ลูกสาวคนเดียวของ “แม่กบ” ศิริเกศ พิทักษ์พงศ์ เกิดมาพร้อมกับความสดใส ร่าเริง และค่อนข้างซน ด้วยอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำให้เธอจำต้องจ้างเพื่อนบ้านช่วยเลี้ยงลูกสาว ยามที่เธอและสามีต้องออกไปทำงาน แต่แล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดกับลูกสาวในวันหนึ่ง
“ตอนเขาอายุ 7 เดือนกว่า เราไปทำงานนอกบ้าน เราก็จ้างคนข้างบ้านเลี้ยง คนแก่ที่เขารับเลี้ยงเด็ก เย็นๆ ก็มารับลูกกลับมานอน เอ๊ะ ลูกตัวร้อน ไม่พูดไม่จา มีท่าทางแปลกๆ ก็คิดว่าคงไม่เป็นไร กินยาแก้ไข้ ก็หาย พอรุ่งขึ้นอีกวันมีอาการชัก ก็พาไป รพ. หมอบอกว่า ไม่รู้ว่าชักไปนานแค่ไหน น้องขาดออกซิเจน ทำให้วันหน้าน้องจะมีผลนะว่าทำอะไรก็จะช้าลง ยังบอกไม่ได้ว่า อาการข้างเคียงจะเป็นมากหรือน้อย”
"(ถาม-แล้วจู่ๆ น้องชักได้ยังไง?) ตอนหลังมารู้ว่า เล่นกับเด็กๆ ด้วยกัน ชอบแกว่งเปลแรงๆ เสร็จแล้วเปลขาด ตกพื้น เหมือนมีเลือดคั่งในสมอง (ถาม-แล้วคนที่รับเลี้ยงเขาไม่แจ้งให้เรารู้ตอนที่เรามารับลูกหรือ?) แกมีอาการเบาหวานขึ้น แกก็นอนซม และให้เด็กๆ พี่ๆ น้องๆ ญาติเขาดูแลกันเอง"
หลังอุบัติเหตุทำให้ลูกสาวเลือดคั่งในสมอง ด้วยความรักลูก แม่กบยอมรับว่า ไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยง หากลูกต้องเป็นอะไรไปจากการผ่าตัด
"ถามหมอว่า ถ้าผ่าแล้ว เปอร์เซ็นต์ที่จะรอดหรือจะหาย เท่าไหร่ หมอบอก 50-50 แม่กลัวผ่าแล้ว น้องจะไม่มีชีวิตกลับมา ขอเลี้ยงเขาในสภาพนี้ดีกว่า จะรักและเลี้่ยงของเราให้ดีที่สุด"
อุบัติเหตุในครั้งนั้น ส่งผลให้น้องต่องกลายเป็นเด็กพิการ ติดเตียง พูดไม่ได้ เมื่อลูกอยู่ในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่กบต้องหางานกลางคืนทำ เพื่อที่กลางวันจะได้ดูแลลูก
"เราต้องหางานกลางคืน พอดีเพื่อนเห็นเราร้องเพลงเก่ง เลยชวนไปร้องเพลงที่สถานบันเทิง ออกไปทำงานตอน 2-3 ทุ่ม กลับมาตี 2 กว่า"
หลังลูกสาวพิการได้ 4 ปี แม่กบก็มีอันเลิกรากับสามี ต้องทำงานหาเลี้ยงลูกเพียงลำพังมา 30 กว่าปีแล้ว
"เขากับเรา ความคิดไม่ตรงกัน คือเราเห็นลูกเราเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องหาความมั่นคงในชีวิตให้ลูกเรา เผื่อว่าวันหนึ่งเราเป็นอะไรไป ลูกเราจะได้อยู่ได้ ทำงานก็ต้องมีเงินเก็บ ไม่ใช่ว่า ทำงานแล้วปล่อยชีวิตไปวันๆ ไม่มีอะไร"
เมื่ออายุที่มากขึ้นเริ่มไม่เอื้อต่ออาชีพนักร้อง แม่กบต้องมองหางานใหม่ โดยได้งานแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรม และเลือกทำในเวลากลางคืน เพื่อจะได้ดูแลลูกตอนกลางวันได้ หลังจากทำงานแม่บ้านอยู่นาน ในที่สุด แม่กบก็จำต้องตัดสินใจออกจากงาน
"พอช่วงโควิดมา เริ่มมีปัญหาแล้วว่า โรงแรมต้องเปลี่ยนเป็นฮอสพิเทล (หอผู้ป่วยโควิด-19 เฉพาะกิจ) ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าเราเกิดไปติดเชื้อมา ลูกเราจะแย่ เลยออกดีกว่า"
ก่อนหน้าโควิดจะทำให้แม่กบตกงาน โชคดีที่เธอได้นำเงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงาน บวกเงินอีกส่วนที่หยิบยืมเพื่อนบ้าน มาซื้อบ้านเก่าเล็กๆ หลังนี้เพื่ออยู่กับลูก หาไม่แล้ว ถ้าตกงานด้วย และต้องเช่าบ้านอยู่ด้วย ชีวิตอาจมาไม่ถึงวันนี้
"เราซื้อแต่บ้านนะ ซื้อตัวบ้าน ส่วนที่ดินนี่เช่าเดือนละ 800 บาท (ถาม-แล้วสัญญากี่ปี?) 10 ปี แต่คุณยายเจ้าของบ้านบอกว่า ไม่มีกำหนด อยู่กันไปอย่างนี้แหละ"
หลังโควิดระบาดยืดเยื้อยาวนาน ประกอบกับอายุก็มากขึ้น ส่งผลให้งานหายาก แม่กบต้องดิ้นรนทำงานทุกอย่าง เพื่อให้มีรายได้มาดูแลลูก
"จะทำยังไงให้เรากับลูกอยู่รอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ พอดีดูเฟซบุ๊กเด้งขึ้นมาว่า วิธีทำปุ๋ยเปลือกไข่ เราก็กินไข่ทุกวัน เลยลองทำดู แล้วไปนั่งขาย (ถุงละ 10 บาท) วันแรกก็ขายดี เลยคิดว่าจะหาเปลือกไข่ที่ไหนมาทำ เลยไปขอแม่ค้า เอาถุงพลาสติกไปให้เขาช่วยแยกขยะเปลือกไข่ ถึงเวลาเราก็ไปรับ พอทำปุ๋ยฯ ขายไปได้สักพัก เราชอบปลูกต้นไม้ เลยลองขายต้นไม้ด้วย ขายได้ 100 บาทก็ดีใจแล้ว"
ทุกวัน แม่กบจะเข็นรถเข็นนำปุ๋ยเปลือกไข่และต้นไม้ออกไปขายที่ริมฟุธปาธตรงข้ามซอยเอกชัย 2 (เขตจอมทอง) ประมาณ 4 โมงเย็น หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จะไปขายที่ตลาดน้ำวัดไทรตั้งแต่เช้าถึงช่วงสาย
"(ถาม-ขายปุ๋ยเปลือกไข่ขายต้นไม้เป็นอาชีพที่เลี้ยงดูเราและลูกได้ขนาดไหน?) ระดับหนึ่ง บางวันได้ 100 กว่า บางวันได้ 200 กว่า (ถาม-อัตคัดขัดสนไหม ถึงกับไม่มีข้าวสารกรอกหม้อไหม?) เราก็พยายาม ต้องทำทุกอย่าง บางทีคนเขาจ้างให้ไปทำอะไร เราก็ไป จ้างให้ช่วยพาคนไปหาหมอ ก็ไป ต้องพยายามดิ้นรน อะไรทำได้ เราต้องทำ ท้อไม่ได้ ถึงขนาดบางที เดินผ่านถังขยะ เราเห็นอะไรที่น่าจะขายได้ ยังต้องเก็บมาล้างทำความสะอาด แล้วลองไปขาย เรื่องหาเงินอายไม่ได้ คนเป็นแม่อายไม่ได้ มนุษย์แม่แพ้ไม่ได้"
ด้าน "ประทีป หยิบสูงเนิน" แม่ค้าที่รู้จักแม่กบ ยอมรับว่า"ดูสภาพแล้ว แม่กบลำบากสุดๆ ยิ่งตอนนี้นะ ไม่มีรายได้ บางทียังหาเสื้อผ้าเก่าโน่นนี่ให้เขาไปขาย เขาจิตใจดีนะ ขนาดเขาไม่มี หรือบางทีเขามีนิดหน่อย เห็นคนที่ไม่มีเลย เขาก็ยังแบ่งปันให้ ช่วยนิดๆ หน่อยๆ"
ขณะที่ "ชนันท์พร ฉิมพานิช" เพื่อนบ้าน อดชื่นชมความสู้ชีวิตและความรักที่แม่กบมีต่อลูกไม่ได้
"เขารักลูกเขามาก ดูจากการที่เขาดูแลเอาใจใส่ ถ้าเป็นเรา อยู่กับลูกมา 30 กว่าปี แล้วลูกดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่รู้เราจะสู้เหมือนเขาหรือเปล่า เขาเป็นแม่ที่ประเสริฐ ...เวลาเขาขัดสน เราต้องช่วยเขาเต็มที่ เราเห็นเขาแล้วสงสาร"
ความรักของแม่กบที่มีต่อลูก ไม่ใช่แค่การดูแลเอาใจใส่อย่างสุดกำลังมานานถึง 38 ปี แต่แม่ยังตระหนักว่า การที่คนป่วยหรือพิการต้องนอนอยู่แต่บนเตียงตลอดเวลา เป็นเรื่องน่าเศร้า แม่จึงพยายามเข็นลูกออกมาดูโลกภายนอกทุกวัน
"สงสารเขา เราไม่มีรายได้ ก็พาเขาเที่ยวนอกบ้านได้แค่นี้ ...อยากให้คนที่มีลูกป่วยติดเตียง พยายามพาลูกออกมาข้างนอก ให้เขาได้เห็นแสงแดด เห็นอะไรบ้าง อย่าอายที่จะพาลูกออกมาเที่ยวข้างนอก"
หากถามว่า ทุกวันนี้แม่กบรู้สึกโกรธคนที่เคยดูแลลูกเรา และทำให้เกิดอุบัติเหตุในวันนั้นจนลูกพิการมาถึงวันนี้หรือไม่?
"เราคิดว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราก็อย่าโทษใครเลย พยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดูแลลูกให้ดีที่สุด เพราะการไปโทษเขาหรือไปโกรธแค้นอะไรเขา มันไม่ส่งผลดีกับเรา และไม่ส่งผลดีกับลูกเราด้วย ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น"
นอกจากไม่ถือโทษโกรธคนที่ทำให้ลูกต้องพิการติดเตียงมาหลายสิบปี แม่กบยังพร้อมทำงานทุกอย่าง เพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงดูลูก ด้วยหัวใจที่ไม่เคยท้อหรือยอมแพ้ต่ออุปสรรค"คำว่าท้อ มันมีไม่ได้เลยนะกับมนุษย์แม่ เพราะเราเป็นคนเดียวของเขา เขาก็มีเราแค่คนเดียว”
หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือคุณแม่กบและลูก สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.ศิริเกศ พิทักษ์พงศ์ เลขบัญชี 016-007-9195 หากต้องการติดต่อ โทรไปได้ที่ 096-382-4142 หากต้องการช่วยเหลือสิ่งของจำเป็นสำหรับลูกพิการ เช่น แพมเพิส ไซส์ XL ส่งไปได้ที่ 3/4 ซ.เอกชัย 3 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม 10150
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “มนุษย์แม่...แพ้ไม่ได้”
https://www.youtube.com/watch?v=FiVVzE-xc50
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos