xs
xsm
sm
md
lg

“ป้านภาพรรณ” หญิงแกร่ง สู้ทำงานหาเลี้ยงสามีป่วยเดินไม่ได้-ลูกชายสติปัญญาบกพร่องป่วยจิตเวช!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ป้านภาพรรณ” คุณป้าสู้ชีวิต ที่ต้องเป็นเสาหลักดูแลสามีที่ป่วยเดินไม่ได้ และลูกชายที่สติปัญญาบกพร่อง ต้องกินยารักษาอาการป่วยทางจิตเวช นอกจากป้าต้องทำงานหาเลี้ยงสามีและลูกแล้ว ยังต้องคอยรับมือกับอารมณ์ที่ก้าวร้าวรุนแรงของลูกชายที่ป่วยอีกด้วย




ป้านภาพรรณ แซ่ลิ้ม ใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ป่วยเดินไม่ได้ และลูกชายที่สติปัญญาบกพร่องและป่วยทางจิตเวช ที่ จ.จันทบุรี ในอดีต เธอและสามี สมาน นนทะวงษ์ เคยช่วยกันทำมาหากินได้ โดยยึดอาชีพช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามีรายได้พอกินพอใช้ แต่แล้ว สามีเริ่มป่วย จนทำงานและเดินไม่ได้ ป้าจึงต้องเป็นเสาหลักของบ้านเพียงลำพัง


สุขภาพของสมานเริ่มมีปัญหาจากกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท จนมีภาวะแขนขาอ่อนแรงตั้งแต่ปี 2561 แม้ควรรักษาด้วยการผ่าตัด แต่สมานไม่กล้า เพราะหมอไม่รับรองว่า ถ้าผ่าตัดแล้วจะกลับมาเดินได้ปกติหรือไม่


“มันก็เป็นมาหลายปีแล้วไปตรวจดู เขาก็ให้ดึงหลัง ดึงหลังแล้วก็เดินทำงานได้ปกติ แต่มันจะเจ็บเวลาก้ม
ยืนนานมันจะเสียว จะเสียวลงขา เสียวชา แล้วมันก็ค่อยๆ เดินขัดๆ มันก็ทำงานได้ปกติ แต่เดินไกลไม่ได้ แล้วพอวันหนึ่งมา กินข้าวเสร็จแล้วก็นอน ตื่นขึ้นมาก็เดินไม่ได้เลย ไปหาหมอ หมอก็บอกว่ากระดูกสันหลังตรงต้นคอมันทับไขสันหลัง”



“หมอบอกว่าเหมือนถูกรางวัลที่ 1 ถ้าเดินได้ (ถาม-เขาไม่รับรองผลว่า รักษาแล้วจะกลับมาเดินได้หรือเปล่า?) ไม่รับรอง เป็นตรงต้นคอ ลงไปถึงกลางหลัง และสะโพกสองข้าง ก็เลยตัดสินใจไม่ผ่า”

นอกจากต้องดูแลสามีที่ป่วยเดินไม่ได้ ป้านภาพรรณยังต้องดูแล “ต้น” ลูกชายที่แม้จะโตแล้ว แต่ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
แต่ไม่ค่อยดี


“เขาอาบน้ำเองได้ แต่ไม่เก่ง เขาเอาน้ำราด 1-2 ขัน ก็ขึ้นแล้ว เขาบอกว่าเสร็จแล้ว เขาทำได้แค่นี้ ถ้าเขาถ่ายหรือทำภารกิจของตัวเอง แม่ก็ต่อสายยางให้เขา แล้วเขาก็นั่งลง เอาสายยางฉีด แค่นั้น การกินก็พอหาข้าวกินเองได้ แม่พอทำงานได้ แม่ก็ส่งน้องเขาเรียนเอกชน เรียนได้ถึง ป.5-6 เพื่อจะเข้าสังคมให้ได้ แม่เป็นห่วงเขาตรงนี้ ยอมเสียค่าเรียนเอง น้องก็เรียนได้ เข้าสังคมได้ แต่เขาจะมีจิตอยู่อย่างหนึ่ง ใครพูดกับเขามาก คุยมาก เขาเหมือนจิตหลอน ประสาทหลอน เกิดอาการเครียด ทุกเที่ยงแม่ก็ต้องไปส่งข้าวน้อง ไปดูน้องให้ทานข้าวเองที่โรงเรียน แม่จะทำอย่างนี้อยู่ทุกวัน น้องได้เรียนถึงชั้น ป.5 เพราะน้องอ่านไม่ออก เขียนหนังสือตามรอยประได้ แต่อ่านไม่ได้”


หลังเศรษฐกิจเริ่มซบเซา อาชีพเย็บเสื้อผ้าของป้านภาพรรณเริ่มอยู่ไม่ได้ แถมค่าเช่าร้านก็เพิ่มขึ้น เธอจึงตัดสินใจผันตัวเองไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาด รพ. แต่หลังจากนั้น สถานการณ์ต่างๆ ก็แย่ลงเรื่อยๆ ทั้งเรื่องสุขภาพของสามี ที่อยู่อาศัย อาชีพการงาน และผลกระทบจากโควิด-19


“ป้าก็เอาเงินผ่อนบ้าน ไปซื้อบ้านเข้าธนาคาร ธกส. ผ่อนเดือนละ 2,100 เดือนสุดท้าย ป้าดีใจว่าป้าจะได้เก็บเงิน แต่แล้ว รุ่งเช้ามา ลุงก็เดินไม่ได้ ป้าเลยต้องขายบ้านแสนกว่าบาท ไปยกบ้านนอก ก็หมด เหลือเงินอยู่ 50,000 (ถาม-ไปยกบ้านนอก คือไปปรับปรุงที่อยู่อาศัยใหม่ใช่ไหม เราจะไปตั้งรกรากอยู่ที่โน่นใช่ไหม?) ใช่ เพราะลุงเดินไม่ได้ กะว่าจะไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านเกิด จ. สุโขทัย ที่โน่นมีโรงงานเย็บผ้าด้วย ป้าก็กะว่า เดี๋ยวยกบ้านเสร็จ แต่ไม่ใช่ที่ป้านะ ที่ของหลาน ยกบ้านเสร็จ ป้าจะเข้าโรงงานและเลี้ยงเขา ได้เดือนละ 6,000-7,000 ก็ยังอยู่ได้ บ้านนอก แต่แล้ว โควิดลง โรงงานปิดตัว ป้ากำเงินก้อนสุดท้าย 30,000 ป้าต้องหอบลุงกับลูกกลับมาเมืองจันท์เหมือนเดิม”


ต้น ลูกชาย ไม่เพียงมีพัฒนาการเรียนรู้ที่ล่าช้า แต่ยังมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและรุนแรง ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย จนแม่ต้องหาวิธีรับมือเพื่อให้ลูกอยู่ในอาการสงบ

“พฤติกรรมของลูก ข้อแรก ทุบหน้าอกตัวเอง ข้อที่สอง ตีหัวตัวเอง ถ้าใครอยู่ใกล้เขา เขาก็พร้อมจะทำร้ายได้ (ถาม-พ่อแม่ก็เคยถูกกระทำ?) โดน ทุกวัน (ถาม-ทุกวันนี้ยังโดนอยู่?) ใช่ เมื่อคืนแม่ก็โดน (ถาม-เขาทำยังไง?) เขาจะกินมาม่า แม่ก็ต้มมาม่าให้เขา เขามาข้างหลัง เขาก็ทุบแม่ข้างหลัง ซึ่งบางครั้งเราน้อยใจเด็กคนนี้ไม่ได้เลย ถ้าเขามีเรื่องหรือกำลังโมโห อย่าหันหลังให้เขา (ถาม-เป็นภาวะที่เราต้องระมัดระวังตัว?) ใช่ พ่อก็โดน (ถาม-แล้วเรารับมือกับปัญหานี้ยังไง ทำให้เขาสงบหรือเราป้องกันตัวได้?) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง กว่าเขาจะสงบ แม่ก็หันหน้ามา แล้วแม่ก็ผลักตัวเขาลงที่นอนที่เขานอนอยู่ แม่ก็กดเขา เขาแรงมาก แต่ตอนนี้แม่สู้เขาไหว แต่อนาคตแม่ไม่ไหว เขาแรงมาก แล้วแม่ก็เอามือรวบมือเขา รวบขา บีบเขา เหมือนกับล็อคเขาไว้ ไม่ให้เขาต่อสู้กับเรา แม่ก็ต้องกดและพูดธรรมะหรือพูดอะไรก็ได้ ที่ไม่รุนแรงใส่หูเขา ให้เขามีสติ (ถาม-แม่เลือกใช้ความเชื่อทางศาสนาเข้ามาจัดการกับปัญหา?) ใช่ (ถาม-ทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ เคยแนะนำไหมว่า ความก้าวร้าวหรือความรุนแรง เราจะมีวิธีปฏิบัติยังไง?) ทานยา หมอบอกว่า สุดกำลังของหมอแล้ว ปกติก็ให้ทานเม็ดหนึ่งหรือเม็ดครึ่ง แต่ตอนนี้น้องเพิ่มเป็น 2 เม็ดต่อ 1 ชนิดนะ วันหนึ่งทาน 4-5 อย่าง ประมาณเกือบ 10 เม็ดต่อมื้อ”


“(ถาม-เราเคยโกรธเคยโมโห เคยคิดจะทำร้ายลูกไหม เพราะบางทีสัญชาตญาณเราโดนกระทำโดนกระแทก
จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ เรามีปฏิกิริยายังไงกับภาวะที่น้องรุนแรงกับเรา
?) มี ป้าบอกว่า ป้าตีน้อง ถ้าป้าคุมอารมณ์ไม่อยู่ในขณะนั้น ป้าจะตบหน้าเขาไปทีหนึ่ง ตบให้เขามีสติ แต่แล้วผลที่กลับมา ป้าอ่วม (ถาม-เขายิ่งตอบสนองกลับมา?) ถูกต้อง เขาแข็งแรงกว่าป้า”



อดถามลุงสมานไม่ได้ว่า เคยคิดจะเอาลูกไปฝากไว้กับสถานพยาบาลหรือไม่? “ผมไม่คิด ทีแรกแฟนเขาจะเอาไป แต่ผมห้ามไว้ เราคิดว่า เราทำเขามา เราก็ต้องรับผิดชอบ”

ทุกวันนี้ ป้านภาพรรณจะขี่รถมอเตอร์ไซค์จากบ้านเพื่อไปทำงานแม่บ้านที่ รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี โดยทำงานตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น และระหว่างพักกลางวัน 11 โมง ป้าจะขี่รถกลับไปฉีดยาให้ลูกเพื่อควบคุมอาการป่วยเบาหวาน ก่อนจะกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยรายได้ที่ได้รับตกวันละ 325 บาท


แม้ขณะนี้ดวงตาของป้านภาพรรณเริ่มจะมีปัญหาแต่เธอยังไม่พร้อมที่จะรักษา เพราะถ้าต้องนอน รพ. ใครจะดูแลสามีและลูก

“(ถาม-ตอนนี้สุขภาพป้าเป็นยังไงบ้าง?) ตาป้าข้างขวาเริ่มเป็นฝ้าแล้ว เพราะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป มันเหมือนใยแมงมุม ป้าเพิ่งพบเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ป้ายังไม่ไปหาหมอ ขอเวลาสัก 1-2 เดือน ถ้ารักษา ปัญหาป้าก็ตามมา คือถ้าป้าไปนอน รพ.ใครจะดูแลลุงกับลูก ใครจะมาปิดบ้าน ใครจะหาข้าวให้เขากิน”


“(ถาม-ในภาวะที่เราหารายได้คนเดียว ในภาวะที่เป็นอยู่ มันเพียงพอดูแลครอบครัวให้กินอิ่มนอนหลับได้ทุกคนไหม?) คือป้าจะยึดสามีกับลูกก่อน ให้เขาอิ่ม สิ่งที่เขาต้องการ ให้เขาไปก่อน อย่างป้าเอง ข้าวเปล่า ป้าก็ทานได้ ป้าพูดเรื่องจริง อาหารหลักของป้าคือ ถั่วลิสงกับปลาตัวเล็ก ถุงละ 5 บาท อาหารหลักของป้า (ถาม-ทานแล้วมันมีแรงหรือ เราต้องใช้แรงงานนะ?) กำลังใจ (ถาม-ใช้ใจบันดาลแรง?) ใช่ สู้ไง ป้าอดทน ป้าปลงไง เดี๋ยววันนี้ต้องผ่านไปได้วันหนึ่ง พรุ่งนี้ก็มาว่ากันใหม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”


“(ถาม-คิดว่าจะยืนระยะทำหน้าที่ดูแลสามีและลูกได้อีกนานแค่ไหน?) สุดกำลังของป้า ในความคิดของป้านะ ป้าอยากให้ลูกไปคนแรก และคนที่สองก็สามี คนสุดท้ายคือป้า”


หากท่านใดต้องการช่วยเหลือป้านภาพรรณ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาจันทบุรี ชื่อบัญชี น.ส.นภาพรรณ แซ่ลิ้ม เลขบัญชี983-839-8616


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ขอสู้จนสุดแรง”
https://www.youtube.com/watch?v=AbAdQE2W3fA


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ทุกวันเสาร์ เวลา09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์NEWS1 ( IPM ช่อง64 / PSI ช่อง211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos




กำลังโหลดความคิดเห็น