รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ป้าน้อย” ที่ชีวิตต้องเจอมรสุมกระหน่ำ ทั้งสามีป่วยจนพิการ เดินไม่ได้ ไปจนกระทั่งบ้านถูกไฟไหม้ จนไม่เหลืออะไร แม้เคยคิดอยากจบชีวิตลงพร้อมกับสามี แต่คิดอีกที ขอสู้ต่อไป แม้ลำบากแค่ไหน จะสู้ เพราะถ้าไม่สู้ สามีก็อยู่ไม่ได้
ก่อนที่ชีวิตจะพลิกผัน ราวกับถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทำให้ชีวิตต้องพบกับความยากลำบากในวันนี้ “ป้าน้อย” ส่องศรี ไหลแดง วัย 66 และลุงหยด เตี่ยบัวแก้ว สามี วัย 83 ซึ่งพักอยู่ย่านสายไหม กทม. เคยช่วยกันทำมาหากินได้ มีบ้านอยู่ มีเงินเก็บบ้าง โดยลุงหยดยึดอาชีพขับรถเครน รายได้เดือนละหมื่นกว่าบาท ยังไม่รวมโอที ส่วนป้าน้อยเข็นรถขายของเล็กๆ น้อยๆ แถวบ้านพักคนงาน
แต่แล้ว! ลุงหยดต้องกลายเป็นคนพิการโดยไม่คาดคิด!!
"เมื่อก่อนนี้ลุงเป็นน้ำกัดเท้า ใส่รองเท้าผ้าใบ ทีนี้น้ำมันขังไง น้ำกัด ก็ซื้อยามาล้าง พวกยาเหลือง ผงพิเศษ ทุกครั้งกัดเคยหาย แต่เที่ยวนี้ไม่หาย ก็ไปล้างแผลที่น้ำกัดทุกวันๆ จนคลินิกหนึ่งบอกว่าแผลมันเน่า นิ้วตายแล้ว เขาบอกให้ลุงรีบไป รพ.เลยนะ นิ้วลุงตาย ลุงต้องไปตัดนิ้วออก"
หลังถูกตัดนิ้วเท้าและฝ่าเท้าข้างขวาที่ถูกน้ำกัดจนติดเชื้อและเนื้อตายทิ้งแล้ว แต่แผลยังไม่หาย ลุงหยดจึงเกือบถูกตัดขารอบสอง ซึ่งหากตัดรอบนี้ หมอจะตัดสูงขึ้นมาถึงหัวเข่า โชคดีที่มีผู้แนะนำยาให้กิน แผลจึงหายก่อน ไม่ต้องตัดซ้ำสอง
เมื่อสูญเสียเท้าไป 1 ข้าง ลุงหยดไม่สามารถทำงานขับรถเครนได้อีกต่อไป ประกอบบริษัทปิดตัวลง ไม่เพียงลุงหยดจะตกงานและขาดรายได้ แต่ภาระหนักในการเป็นเสาหลักหารายได้ยังตกอยู่กับป้าน้อยเพียงลำพัง ซึ่งขณะนั้นป้าน้อยยึดอาชีพขายอาหารตามสั่ง ส่วนลุงหยด ตอนนั้นยังพอเดินได้บ้าง ด้วยการใช้ผ้าพันเท้าที่ถูกตัดก่อนใส่รองเท้าหุ้มข้อ และใช้อุปกรณ์ 4 ขา (วอล์คเกอร์) ช่วยพยุงตัวเวลาเดิน ลุงหยดจึงพยายามช่วยงานป้าน้อยเท่าที่พอทำได้
"แกก็เด็ดกะเพรา ปอกคะน้าให้ หั่นพริกน้ำปลาให้ ใส่ถุงใส่กล่องให้ลูกค้า แกก็ยังทำได้อยู่ช่วงนั้น"
ลำพังสามีพิการ ก็ทำให้การทำมาหากินเพื่อเลี้ยงปากท้อง 2 ชีวิตลำบากขึ้นแล้ว แต่ดูเหมือนมรสุมชีวิตยังคงคุกคามป้าน้อยกับลุงหยดไม่จบไม่สิ้น ทั้งน้ำท่วม ทั้งไฟไหม้บ้าน จนไม่เหลืออะไรเลย!!
"โดนปีเดียวกันเลย ปี 54 ก็ตัดเท้า พอออกมาจาก รพ.ก็น้ำท่วมบ้าน ก็ไปอาศัยอยู่บนสโมสรที่ป้าขายของน่ะ เขาให้อยู่ ก็อยู่กัน 2 คน พอน้ำแห้ง ได้กลับไปอยู่บ้าน อยู่ได้ 2 เดือนไฟไหม้อีก ตอนนั้นมาอยู่ร้านกันหมด แล้วคนข้างบ้านที่เขาเห็น เขาขับมอเตอร์ไซค์มาบอก ยายน้อย บ้านไฟไหม้หมดแล้ว เราก็ไม่เชื่อ เราก็รีบไป เห็นไฟกำลังลุก ก็เป็นลม 2-3 รอบ"
ไม่ใช่แค่บ้านที่หมดไปกับไฟ แต่เงินเก็บก้อนสุดท้ายก็ไม่เหลือ!!
"เงินเก็บไว้หมื่นกว่าบาท เก็บหอมรอมริบนะ ไฟไหม้หมด"
น้ำเสียงสั่นเครือของลุงหยดบ่งบอกถึงความเสียใจและเสียดายเงินเก็บก้อนสุดท้าย
ขณะที่ป้าน้อยยอมรับว่า ตอนนั้นแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่"ป้าแทบจะฆ่าตัวตายเลยตอนนั้น เรากอดคอกันแล้ว เรากินยากันเลยไหมสองคนเรา ไหนลูกก็ไม่ค่อยมาดูแลเราแล้ว เพราะว่าเขาอยู่ไกล และต่างคนต่างอยู่ เขาก็ลำบาก ลุงบอก เอาสิ เรามานึกอีกที ลองสู้ชีวิตต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน"
หลังสูญเสียบ้านไปกับไฟ ป้าน้อยได้รับเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิต่างๆ มาประมาณ 8,000 บาท ก่อนตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่ พร้อมกับเดินหน้าขายอาหารตามสั่งต่อไป แม้ช่วงแรกจะขายดี แต่พอโควิด-19 ระบาด ยอดขายก็เริ่มแย่ลงๆ จนต้องเปลี่ยนไปขายอย่างอื่น
"คิดแล้วไม่ไหว ยิ่งขายก็ยิ่งเป็นหนี้ เลยลองเปลี่ยนมาขายขนมจีนน้ำยาดู ทีแรกขายได้เป็นสิบโล ก็ค่อยยังชั่ว ยังเห็นกำไรบ้าง แต่ไปๆ มาๆ 5 โลก็ขายไม่หมด 3 โลก็ขายไม่หมด สงสัยคนเบื่อ เลยเปลี่ยนมาขายลูกชิ้นทอด ไม้ละ 10 บาท ขายตั้งแต่บ่ายสองถึงเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง"
"(ถาม-เคยขายได้มากสุดวันละกี่บาท?) พันกว่าบาท (ถาม-หักทุนแล้วเหลือเท่าไหร่?) หักทุนแล้วก็เหลือกำไรประมาณ 200-300 ถ้าขายหมดก็ได้ 400-500 แต่นี่ขายไม่หมด ยิ่งเมื่อวานยิ่งขายไม่ได้เลย ได้ 300"
แต่ละเดือน ป้าน้อยต้องแบกค่าเช่าถึง 2 ทาง คือห้องเช่า เดือนละ 2,500 และค่าเช่าที่เพื่อทำของและขายของ ซึ่งเป็นลักษณะเพิงพัก ค่าเช่าเดือนละประมาณ 3,000 ป้าน้อยบอกว่า เหตุที่ต้องเช่า 2 ที่ เพราะห้องพักเล็ก ไม่สามารถทำของได้ และไม่ได้อยู่ในจุดที่ผู้คนเดินผ่าน จึงไม่เหมาะต่อการขายของ ซึ่งบ่อยครั้งหลังจากขายของเสร็จในแต่ละคืน ป้าน้อยมักจะไม่ได้กลับมานอนที่ห้องพักกับลุงหยด แต่จำต้องนอนที่เพิงพักร้านเช่าที่ เพราะกลัวว่าข้าวของที่ร้านจะหายอีก เพราะเคยหาย ขโมยเยอะขึ้นทุกวันๆ
แต่ละวัน หลังจากเตรียมของที่ร้านเสร็จ ป้าน้อยจะเข็นรถเข็นไปขายที่ตลาดหน้า Lotus's Go Fresh วัดเกาะสุวรรณาราม ตั้งแต่ประมาณบ่ายสองถึงเที่ยงคืน ซึ่งระหว่างวัน ป้าน้อยจะปลีกเวลาซื้อข้าวไปให้ลุงหยดที่ห้องเช่า เพราะระยะหลัง ขาลุงหยดข้างที่พิการเริ่มอ่อนแรง จนไม่มีแรงที่จะก้าวเดินเหมือนเมื่อก่อน จึงต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพัก เวลาจะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ ก็ต้องใช้วิธีคลานไป!!
ถ้าต้องไปหาหมอเมื่อไหร่ ป้าน้อยจะพยุงลุงหยดขึ้นวีลแชร์ แล้วเข็นออกไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อไป รพ."ค่าใช้จ่ายในการหาหมอไม่มี มีแต่ค่ารถแท็กซี่เพื่อไป รพ.ปทุมฯ เวลาไป ต้องไปที่ศูนย์คูคตก่อน ไปขอใบส่งตัว และไปที่ รพ.ปทุมฯ ค่ารถไป-กลับ 500 กว่าบาท"
เมื่อรายได้จากการขายลูกชิ้นทอดแต่ละวัน ไม่แน่นอน และมักขายไม่ค่อยดี ขณะที่ต้องแบกค่าเช่าถึง 2 ทาง ทำให้ป้าน้อยจำต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาลงทุนขายของบ้าง จ่ายค่าเช่าบ้าง
"กู้แขกกับกู้คนในหมู่บ้าน ดอกเบี้ยร้อยละ 20 (ถาม-ตอนนี้ติดหนี้อยู่เยอะไหม?) หมื่นกว่าบาท บางทีเรากู้เขามาจ่าย แล้วทีนี้จะไปกู้เขาอีก เขาก็ไม่มีให้แล้ว เพราะของเก่าเรายังใช้เขาไม่หมด แล้วจะมาเอาของใหม่ เขาก็ไม่ให้แล้ว เราก็เลยค้างค่าบ้านเขา"
ขณะที่พ่อค้าใจดีอย่าง "อาร์ม" ปิยะพันธ์ ภูสิงหา ยอมรับว่า สถานการณ์ของป้าน้อยกับลุงหยดดูเหมือนแย่ลงเรื่อยๆ"บางทีข้าว แกก็ไม่มีกินนะ (ถาม-ขนาดนั้นเลยหรือ?) ใช่ครับ ผมต้องเอาข้าวที่ร้านนี่แหละไปให้แกกินบ้าง พอดีว่าผมจะเก็บร้านช่วงสายๆ ช่วง 11 โมง ถ้าอันไหนมันเหลือ ผมก็จะเอามาให้แกกิน"
ด้านลุงหยด ยอมรับว่า เคยท้อแท้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ป้าน้อยปลอบใจให้สู้ต่อ"บางครั้งก็คิด อยากฆ่าตัวตาย รู้แล้วรู้รอดไป ทีนี้ป้าน้อยก็ปลอบใจผม แกบอกอย่าฆ่าเลย อยู่ไปเถอะ สู้ไป จนกว่าจะตายเอง (ถาม-กังวลไหมว่า วันหนึ่งถ้าป้าล้มป่วยลงอีกคน จะทำยังไง?) ก็เป็นห่วงเขาอยู่ เขาก็เจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เหมือนกัน บางครั้งขาเขาก็บวมฉึ่งเลย"
ขณะที่ป้าน้อย ซึ่งมีโรคประจำตัว ทั้งเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง และกระดูกข้อขาไม่ค่อยดี มักจะปวด แต่ยืนยันว่า พร้อมสู้ต่อไป ไม่อยากหยุดทำงาน เพราะถ้าหยุด ก็อด"เราก็คิดว่า ถ้าเราหยุด เราก็อด ต้องมีกำลังใจ ต้องสู้ เราอดไม่เท่าไหร่ คนพิการเขาอดได้ไหม ก็อดไม่ได้ ทุกวันนี้ป้ากินข้าวมื้อเดียว ส่วนลุง กิน 2 เวลา ตอนเย็นกับเช้า ตอนเช้ากินแล้ว จะเก็บไว้กินกลางวันด้วย"
ลำบากแค่ไหน จะไม่ทิ้งกัน!!
"(ถาม-ป้าเคยมีความคิดจะปล่อยให้ลุงแกอยู่คนเดียวไหม?) ไม่เคย ไม่เคยคิดเลย คิดแต่ห่วงแก บางทีเราอยู่ที่ร้านโทรมา แกไม่รับสาย เราใจไม่ดีแล้ว นั่งรถเข้ามาแล้ว มาดู เห็นแกนั่งอยู่ บอกทำไมไม่รับสายโทร เขาบอกเขาไม่ได้ยิน เรากลัวเขาไปล้มในห้องน้ำแบบวันนั้นอีก (ถาม-แม้เราลำบากแค่ไหน ก็จะไม่ทิ้งเขา?) ไม่ทิ้ง นึกถึงเมื่อก่อนเขาทำงานเลี้ยงเราได้ ตอนนี้พอเขาทำไม่ได้ เราก็ต้องดูแลเขาไป เลี้ยงเขาไปให้ถึงที่สุด"
หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือป้าน้อยและลุงหยด สามารถโอนไปได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี น.ส.ส่องศรี ไหลแดง เลขที่บัญชี 632-208-4127 หากต้องการติดต่อ โทรไปได้ที่ 082-118-7479
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ฝ่ามรสุมชีวิต”
https://www.youtube.com/watch?v=gcOSTqn3gtg&t=1106s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อhttps://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อhttps://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos