รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “คุณแม่ยุ้ย” หญิงแกร่งที่ไม่เพียงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานหาเลี้ยงลูกอีก 3 ชีวิต แต่เธอและลูกๆ ยังต้องพักอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่มั่นคงปลอดภัยกลางป่าละเมาะอีกด้วย แม้จะกลัวอันตรายจากมิจฉาชีพและสัตว์มีพิษ แต่ความจนทำให้เธอไม่มีทางเลือก
แทบไม่น่าเชื่อว่า ทางเข้าเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านหนองจอก ของเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยพงหญ้า และลึกจากปากทางมาก จะมีบ้านหลังเล็กๆ ที่ค่อนข้างทรุดโทรม ตั้งอยู่ท่ามกลางพงหญ้าป่าละเมาะ เป็นที่อยู่อาศัยของ 4 ชีวิตแม่ลูก "คุณแม่ยุ้ย" สุนีย์ ชอบสุจริตสกุล พาลูกทั้ง 3 คน (ซีรอส-ฮาวา-ฟิล์ม) มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ได้ 2 ปีแล้ว เหตุผลที่มา เพราะค่าเช่าราคาถูก แค่เดือนละ 1,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ
"เวลาฝนตกลมแรง ก็มีหลังคาปลิว และฝนสาด ตู้นี่ก็พังเพราะฝนสาด เพราะในห้องไม่มีที่ไว้ เลยต้องตั้งไว้นอกห้อง วันก่อนฝนตก น้ำก็หยดลงที่นอน ก็เอาจานไปรอง (ถาม-เหนื่อยไหม?) เหนื่อย แต่ก็ต้องสู้"
"(ถาม-รอบข้างนี่เป็นป่าละเมาะ ไม่กลัวความปลอดภัยของเราและลูกหรือ?) กลัวเหมือนกันพี่ บางทีได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ คิดแต่ว่าอย่ามีอะไรเลย ถ้าเกิดใครมาทำอะไร เราจะทำยังไง เครียดนะ นอนแต่ละวัน ...ถ้ามีอะไรขึ้นมาจริงๆ คนเป็นแม่เนอะ สัญชาตญาณยังไงก็ต้องสู้ อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับลูกก็พอ (ถาม-ไม่ใช่แค่ความปลอดภัยจากคน แต่บางทีสัตว์มีพิษ?) งู ตะขาบ มีปกติ มันก็วิ่งไป เลื้อยไป ไม่ได้วิ่งมาหาลูกเรา ถ้าวิ่งมา ก็คงต้องสู้กันแหละ"
ก่อนจะมาเช่าบ้านอยู่แบบโดดเดี่ยวที่นี่ คุณแม่ยุ้ยเคยมีบ้านอยู่มาก่อน แต่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของสามี ทำให้บ้านถูกยึด!!
"เคยผ่อนบ้านเป็นอาคารชุดเอื้ออาทร ฝากเงินให้แฟนส่งทุกเดือน ตอนหลังมีใบแจ้งว่าเขาจะเอาห้องชุดขายทอดตลาด เพราะขาดส่ง เราไม่รู้ว่าเขาไม่ได้ส่ง สุดท้ายโดนยึดหมดเลยไม่เหลือ (ถาม-เหตุผลที่เลิกกับสามีเพราะอะไร?) มันหลายอย่าง เรื่องผู้หญิงด้วย เรารู้แต่เราไม่เอามานั่งทะเลาะ คิดว่าพอถึงที่สุด เราก็จบเลย ไม่เอาแล้ว"
เมื่อก่อนคุณแม่ยุ้ยเคยทำงานเป็นพนักงานในห้างสรรพสินค้ามาก่อน หลังจากเริ่มมีปัญหาเงินเดือนไม่สมดุลกับรายจ่าย จึงตัดสินใจลาออก มายึดอาชีพขายปลาหมึกย่าง
"ทำมาได้ 6-7 ปีแล้ว ขายตั้งแต่โต๊ะพับสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก่อนมาเป็นรถเข็น และมาเป็นซาเล้ง และมาเป็นคันนี้อีกคันหนึ่ง"
ทุกเช้า คุณแม่ยุ้ยจะขี่ซาเล้งไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียน ก่อนไปจ่ายตลาดกับลูกคนเล็ก เพื่อซื้อวัตถุดิบต่างๆ หากเป็นวันที่ซีรอสและฮาวาไม่ต้องไปโรงเรียน ก็จะไปช่วยแม่จ่ายตลาดด้วย ก่อนเข้ามาช่วยกันเตรียมวัตถุดิบ แล้วจึงออกไปขายช่วงบ่ายสาม หากขายหมดเร็ว ก็กลับเข้าบ้านเร็ว แต่หากคนเงียบ หรือขายไม่ดี จะกลับเข้าบ้านอย่างช้าสุดประมาณ 5 ทุ่ม
การที่บ้านพักอยู่ลึกกลางป่าละเมาะ ทำให้แม่ไม่กล้าทิ้งลูกไว้บ้านเพียงลำพัง จะไปไหน ต้องไปด้วยกันทั้งหมด รวมทั้งเวลาไปขายของแต่ละวัน ก็ต้องออกจากบ้านพร้อมกันและกลับเข้าบ้านพร้อมกัน
ช่วงที่ยังไม่มีโควิดระบาด คุณแม่ยุ้ยยอมรับว่า ขายปลาหมึกย่างได้พอสมควร แต่พอโควิดมา เดือดร้อนลำบากมาก ขายไม่ได้ เพราะคนไม่ค่อยออก เมื่อโควิดคลี่คลาย แม้การขายจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาข้าวของแพง ทำให้วัตถุดิบทุกชนิดพุ่งสูงขึ้นมาก แต่คุณแม่ยุ้ยก็เลือกที่จะไม่ขึ้นราคาปลาหมึกย่าง เพราะต้องการรักษาลูกค้าไว้
“ของแพงมาก แพงเกินครึ่งหนึ่ง จากเมื่อก่อนเคยซื้อของวันละพันกว่าบาท ได้ของเยอะแยะ เดี๋ยวนี้ 3 พันยังแทบไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็ต้องขายเลี้ยงลูกไปวันๆ”
คุณแม่ยุ้ย บอกว่า วันไหนถ้าขายดีจริงๆ จะเหลือกำไรไว้ใช้จ่าย 400-500 แต่ถ้าขายไม่ดีหรือฝนตก ก็ไม่มีรายได้
“บางทีมันไม่มีถึงขนาดที่มาม่า ต้องกินด้วยกัน 3 คนแม่ลูก คนเล็กเขากินนมเราอยู่แล้ว” คุณแม่ยุ้ยพูดพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นด้วยความสงสารลูกในวันที่ขาดรายได้
แม้ดูเผินๆ ซีรอส ลูกชายคนโตจะเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว คุณแม่ยุ้ยบอกว่า ลูกชายนอกจากเป็นโรคหอบแล้ว ยังเป็นเด็กพิเศษ มีภาวะสมาธิสั้น และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ซึ่งคุณแม่อยากให้ลูกได้รับการรักษาและเข้าถึงสิทธิของเด็กพิเศษคนพิการ แต่ด้วยขั้นตอนต่างๆ ที่มากมาย ทำให้คนหาเช้ากินค่ำอย่างคุณแม่หยุดขายของเพื่อไป รพ.หลายครั้งไม่ได้
“ทาง รพ.ยังไม่สรุปให้ว่าเป็นเด็กพิเศษเด็กพิการ เพราะเขาต้องให้ไปรักษาตามขั้นตอนของเขาก่อนว่า ต้องไปฝึก 3-4 ครั้ง ถึงจะได้พบหมอ ถึงจะการันตีมาว่า น้องต้องทานยา ต้องมีบัตรคนพิการ (ถาม-เราหารายได้วันต่อวัน หาเช้ากินค่ำ ถ้าวันไหนต้องพาลูกไปหาหมอ?) ก็ไม่มี ก็อดกัน (ถาม-เหตุผลนี้หรือเปล่าที่ไม่ได้พาลูกไปหาหมออีก?) ใช่ค่ะ”
ปีหน้า ซีรอสจะสอบขึ้น ม.1 คุณแม่ยุ้ยยังหนักใจว่าจะทำอย่างไรกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้น ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน
“นี่รองเท้านักเรียนเขาขาดแล้ว ก็ยังใส่ทั้งที่ขาดๆ เขาบอกว่า ถ้ามะ(แม่)มีตังค์ มะซื้อรองเท้านักเรียนให้หนูด้วยนะ รองเท้าหนูขาดแล้ว”
อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี ไม่ต้องลำบากเหมือนแม่!!
“อยากให้เขาเรียนสูงๆ มีหน้าที่การงานที่ดี ไม่ต้องลำบากแบบเรา อยากให้เขาดูแลตัวเองได้ในวันข้างหน้าถ้าไม่มีเรา เขาได้ดูน้องได้ ดูแลตัวเองได้ ใช้ชีวิตร่วมกับสังคมได้อย่างปกติ”
ลำบากแค่ไหน ไม่เคยคิดว่าลูกเป็นภาระ!!
"(ถาม-ที่ผ่านมา เราต้องแบกรับทุกอย่างเพียงคนเดียว เคยคิดไหมว่า สิ่งที่ทำอยู่มันเกินกำลังหรือเป็นภาระของเรามากเกินไปไหม?) ไม่เคยคิดว่าลูกเป็นภาระ ลูกคือของขวัญที่มีค่าสำหรับแม่ จะพยายามเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้”
ส่วนแม่จะไหวหรือไม่ไหว จะเจ็บจะป่วยแค่ไหน ก็ไม่เคยหยุดออกไปขายของ เพราะรู้ดีว่า ถ้าหยุด ก็ไม่มีตังค์ไว้กินไว้ใช้ในวันนั้น
"ก็มีปวดหลัง อาการปวดจะเป็นทุกเช้า เวลาตื่นขึ้นมา พวกเขาจะเอายาหม่องมาทาให้ มันเกิดจากที่เราคลอดลูก แล้วเราไม่ได้อยู่ไฟ แล้วเราออกมาขายของเลย เราใช้ร่างกายเยอะ ถามว่าแย่มะ แย่ รู้ว่าตัวเองไม่ไหว แต่ก็ต้องไป บางทีไม่สบาย ก็ต้องไป เพราะถ้าหยุดปุ๊บ ลูกต้องอดทันที ...จะลำบากหรือเหนื่อยแค่ไหน เราต้องสู้ เราต้องพยุงลูกให้ได้ เราต้องดูแลเขาให้ได้ เราทิ้งเขาไม่ได้”
หากท่านใดต้องการอุดหนุนปลาหมึกย่างของคุณแม่ยุ้ย จอดขายอยู่ที่ซอยมิตรไมตรี 3 (หน้า 7-11) ตรงข้ามโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ / หากต้องการช่วยเหลือคุณแม่ยุ้ยกับลูกๆ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางสาวสุนีย์ ชอบสุจริตสกุล เลขที่บัญชี 020-304-138-694 หรือติดต่อได้ที่ 094-687-2486
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “คุณแม่...ต้องสู้”
https://www.youtube.com/watch?v=YdZh3VyLH_I&t=284s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos