รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “พี่แอล” ลูกกตัญญูที่ดูแลพ่อแม่วัยชราป่วยติดเตียงทั้ง 2 คน ขณะที่ตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็ป่วยถูกโรคมะเร็งเล่นงาน นอกจากดูแลบุพการีแล้ว เธอยังปลูกผักปลอดสารพิษและทำสลัดขาย เพื่อให้พอมีรายได้ดูแลพ่อแม่ แม้จะน้อยนิดก็ตาม
"พี่แอล" อภิญญา พูลมี สาวเมืองสุพรรณฯ ดูแลพ่อแม่วัย 91 และ 92 ที่ป่วยติดเตียงมานานนับสิบปีแล้ว แม้พ่อแม่จะมีลูก 10 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 6 คน ส่วนคนที่เหลือ ก็มีเพียงเธอคนเดียว ที่ยังไม่มีครอบครัว เธอจึงเป็นกำลังหลักในการดูแลพ่อแม่
พี่แอลทำงานหนักตั้งแต่เด็ก เรียนแค่ ป.4 ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนาและเลี้ยงน้อง เมื่อโตขึ้น เริ่มเห็นว่า อาชีพทำนา ไม่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว เธอจึงตัดสินใจเข้ามาทำงานรับจ้างในกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินส่งให้พ่อแม่
"อายุ 20 เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จากทำรองเท้า ก็ไปเย็บเสื้อใน อยู่กรุงเทพฯ 13 ปี ก็ไม่ก้าวหน้า จู่ๆ เพื่อนชวนไปทำงานเมืองนอก ...ก็เลยลองไปไต้หวัน (ถาม-ไปทำอะไรที่ไต้หวัน?) เย็บผ้า เย็บอาดิดาส ไนกี้ โปโลพวกนี้"
ระหว่างทำงานอยู่ไต้หวัน พี่แอลส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือน หลังทำงานได้ 2 ปี เธอได้กลับมาบ้าน ก่อนกลับไปทำงานอีกรอบ และเมื่อได้กลับบ้านอีกครั้ง ก็พบปัญหาให้พี่แอลต้องนำเงินที่มีมาไถ่บ้านคืนให้พ่อแม่!!
"พี่ต้องมาไถ่บ้าน มาใช้หนี้ไถ่โฉนดออกมารวมแล้วประมาณ 2.8 แสน (ถาม-แล้วเป็นหนี้เพราะอะไร?) น้องสาวคนเล็ก เขามาหลอกพ่อหลอกแม่ เป็นโน่นเป็นนี่ แกก็จะไปหยิบยืมเงินชาวบ้านมา ...แล้วแกก็เลี้ยงลูกของน้องสาวคนเล็ก 2 คน ผู้ชายคน ผู้หญิงคนหนึ่ง"
หลังเงินหมดไปกับการไถ่บ้าน พี่แอลตัดสินใจกลับไปทำงานที่ไต้หวันอีกครั้ง จากนั้นก็ไปๆ กลับๆ ก่อนที่ครั้งสุดท้าย บริษัทจะเจ๊ง ทำให้เธอตัดสินใจกลับประเทศเร็วกว่ากำหนดเมื่อปี 2551 พร้อมกับเงินที่มีกลับมาแค่ 5 หมื่นบาท และสิ่งที่ทำให้พี่แอลคาดไม่ถึงเมื่อกลับจากไต้หวันรอบสุดท้ายก็คือ บ้านที่เธอเคยไถ่คืนมาแล้ว กลับถูกเอาไปขายอีกครั้ง!!
"เหมือนน้องมาหลอกพ่อกับแม่ เขาไม่ได้เก็บเงินไว้ให้เราไถ่ที่ พอหันหลังกลับไป ก็เอาที่ที่เราไถ่บ้านอีกครั้งหนึ่ง เอาไปเข้าอีกรอบ (ถาม-เท่าไหร่?) 3.6 แสน รอบนี้พี่ตกงานกลับมา ที่พี่ไถ่บ้านพี่คืนไม่ได้ รอบนี้แหละ"
เมื่อจนปัญญาที่จะไถ่บ้านคืน พี่แอลตัดสินใจกู้หนี้ มาซื้อบ้านเล็กๆ อยู่กับพ่อแม่ตามอัตภาพ โดยอยู่มา 10 กว่าปีแล้ว จากนั้นเธอได้รีบหางานทำ โดยไปเรียนนวด และยึดอาชีพนวดหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่นวดได้ปีกว่า มรสุมชีวิตก็เกิดกับคุณแม่ของเธออย่างไม่คาดคิด!!
"จู่ๆ ไฟไหม้แม่พี่ (ถาม-เกิดได้ยังไง?) เผามะพร้าวขาย เลี้ยงเด็ก แกแก่แล้วเนอะ (ถาม-แล้วเขาไม่รู้ตัวหรือ?) เขานั่งหลับหน้าเตาที่ย่างมะพร้าว พี่ไปนวดกลับมา คนก็บอก ไฟไหม้แล้ว ก็เลยเข้าไปดู เห็นแกสั่นไปหมดแล้ว ก็เอาไป รพ. ...ขาถูกไฟไหม้ทั้งหมดเลย”
แผลจากการถูกไฟไหม้ ไม่เพียงต้องใช้เวลารักษาอยู่นาน 3 ปี แต่ยังทำให้คุณแม่พี่แอลป่วยติดเตียงตั้งแต่นั้น รวมทั้งมีภาวะสมองเสื่อมตามมา ไม่สามารถจำใครไม่ได้
ขณะที่คุณพ่อพี่แอล ซึ่งทำใจไม่ได้ที่บ้านถูกยึด จึงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ยิ่งได้เห็นภรรยาป่วยติดเตียง ก็ยิ่งซึมเศร้ามากขึ้น
"ตั้งแต่บ้านถูกยึด แกจะค่อยๆ ดร็อปลงเรื่อยๆ ไม่พูดไม่คุย จนกระทั่งแกไม่กินข้าว …ต้องใส่สายอาหารมา 3 ปีแล้ว …ถ่ายเองไม่ได้มา 3 ปีแล้ว ต้องใช้ถุงมือล้วงแกวันเว้นวัน ต้องไป รพ.ทุกเดือนเพื่อเปลี่ยนสายฉี่ เจาะหน้าท้องอยู่"
ลำพังการดูแลผู้ป่วยติดเตียง 1 คนก็เป็นเรื่องหนักแล้ว แต่พี่แอลต้องดูแลพ่อแม่ติดเตียงทั้งสองคน ยิ่งเป็นเรื่องลำบาก โชคดีที่พี่ชายคนโตของเธอ แม้จะมีครอบครัวแล้ว แต่อดสงสารน้องสาวที่ต้องดูแลพ่อแม่เพียงลำพังไม่ได้ จึงมาช่วยดูแลอีกแรง นานๆ จะกลับบ้านตัวเองสักครั้ง
ไม่ใช่แค่พ่อแม่เท่านั้นที่ป่วย แต่ตัวพี่แอลเองก็ถูกโรคมะเร็งเต้านมเล่นงานตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเธอเชื่อว่า เป็นผลจากการทำงานครั้งสุดท้ายที่ไต้หวัน ที่ต้องอยู่กับหม้อตะกั่วสารตะกั่ว
"(ถาม-เรารักษายังไงบ้าง?) ก็ให้คีโมอย่างเดียว ดูแลสุขภาพ ไม่มียาให้ทาน (ถาม-แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?) บางทีเหนื่อย พี่ก็นอน เหนื่อยนี่ส่วนใหญ่พี่จะอดนอนกลางคืนมากกว่า เพราะแม่เขาไม่นอนหลับกลางคืน พ่อเขาจะเป็นหนักๆ กลางคืนกัน พวกพี่ก็จะลุกกลางคืนกัน..."
เมื่อพ่อแม่ป่วยติดเตียง ตัวเองก็ป่วยโรคมะเร็ง พี่แอลต้องกู้หนี้ยืมสินมารักษาตัวเองและดูแลพ่อแม่หลายปีแล้ว หลังอาการป่วยดีขึ้น เธอจึงหันมาปลูกผักปลอดสารพิษและทำสลัดโรลขาย เพื่อให้พอมีรายได้ดูแลพ่อแม่ แม้จะค่อนข้างน้อยก็ตาม
"พี่ทำสลัดโรลไปฝากเขาขาย 12 กล่อง กล่องละ 20 บาท เป็นค่าที่ซะ 2 กล่อง เหลือ 10 กล่อง บางทีไม่ได้กล่องละ 20 บางทีมืดแล้ว เขาต้องรีบขายให้เรา จะไม่มีคนเดินในตลาดแล้ว 3 กล่อง 50 คุณไปหาที่ไหนได้ สลัด กล่องละ 20 3 กล่อง 50 แล้วพี่ใช้วัตถุดิบอย่างดีทั้งนั้นเลย ปูอัดอย่างดี (ถาม-ทำไมไม่ทำมากกว่า 12 กล่อง?) ไม่มีคนซื้อ พี่ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง ขายตลาดบ้านนอก"
"รายได้จากขายผัก (โลละ 70 บาท) และสลัดโรล (กล่องละ 20 บาท) เดือนหนึ่งพี่จะมีรายได้ประมาณเดือนละ 1,200 บาทเท่านั้น"
เมื่อรวมรายได้จากการขายผักและสลัด กับเบี้ยคนพิการคนชราของพ่อและแม่แล้ว พี่แอลยอมรับว่า บางเดือนก็ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เพราะอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยติดเตียง 2 คนค่อนข้างใช้เยอะ
“เราต้องซื้อทุกอย่าง บางทีเป็นโน่นเป็นนี่ เราต้องมีหยูกยาเสริม บางทีแผลกดทับ โผล่ตรงโน้นตรงนี้ คือผ้าปิดแผล ถ้าเราใช้อย่างดี มันก็แผ่นละเกือบ 150 บาท ซื้อผ้าอ้อม แผ่นรองซับ เป็นสิ่งจำเป็นมาก (ถาม-เปลี่ยนบ่อยไหม?) บ่อย บางวันแม่นี่ ถ้าถ่ายด้วย จะประมาณ 6 ชิ้น ตัวนอกประมาณ 2 ชิ้น ตัวในต้อง 4 ชิ้น (ถาม-แล้วของพ่อกี่ชิ้น?) พ่อประมาณ 2 ชิ้น 3 ชิ้น เพราะเขามีสายฉี่เจาะออกจากหน้าท้อง จะไม่ค่อยเปลือง”
แม้การหารายได้ให้พอต่อรายจ่าย ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พี่แอลไม่ท้อ พร้อมสู้เพื่อพ่อกับแม่ต่อไป ภูมิใจที่ได้ดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำพ่อแม่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ขนาดเพื่อนพี่แอล เห็นว่าเธอมีหนี้จากการรักษาตัวและดูแลพ่อแม่ จึงพยายามชวนเธอไปทำงานที่ไต้หวันอีก เพื่อให้มีรายได้มาใช้หนี้ แต่พี่แอลก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่า"เราจะรักเงินมากกว่าพ่อแม่เราเหรอ ทั้งที่วาระสุดท้ายของเขาแล้วนะ เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ พ่อแม่เราหาไม่ได้แล้วนะ และไม่รู้ว่าเขาจะจากเราไปวันไหน อายุเขาขนาดนี้แล้ว"
ท่านใดต้องการให้กำลังใจ หรือช่วยเหลืออุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยติดเตียง เช่น แผ่นรองซับ ติดต่อพี่แอลได้ที่เบอร์ 063-334-5556 หรือหากต้องการช่วยเหลือเป็นเงิน สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางสาว อภิญญา พูลมี เลขที่บัญชี 050-7610-77739
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “แอล...ลูกกตัญญู”
https://www.youtube.com/watch?v=7cUwl9GnxxA&t=575s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos