เงินเฟ้อไทยเดือนกุมภาพันธ์ สูงขึ้น 5.28% สุงสุดในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย ผลจากราคาน้ำมัน,ราคาอาหาร ในทิศทางเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก มั่นใจภาครัฐ มีมาตรการรับมือค่าครองชีพที่สูงขึ้น
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้น 5.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย (อิรักบุกคูเวต)สาเหตุหลักมาจากสินค้าในกลุ่มพลังงาน ,สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและราคาวัตถุดิบ นอกจากนี้ ฐานราคาในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ต่ำสุดในรอบปี 2564 ส่งผลให้การคำนวณอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาปรับลดลง เช่น ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ผลไม้สด เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียน จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาราคาสินค้าแพงในช่วงนี้ได้บ้าง
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมีนาคม 2565 ยังอยู่ในระดับสูง ตามราคาพลังงาน จากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่ง สนค.ขอประเมินสถานการณ์และจะทบทวนตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีอีกครั้ง จากเดิมกำหนดกรอบเงินเฟ้อปี 2565 ไว้ที่ 0.7-2.4 % ค่ากลางที่ 1.5% และมองว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการออกมาสกัดเงินเฟ้อ เพราะเป็นการเพิ่มจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงิน และยังเป็นการเพิ่มขึ้นในระยะ 1-2 เดือน ต้องดูในระยะยาว อีกทั้งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก
