xs
xsm
sm
md
lg

กกร.หั่นจีดีพี,เพิ่มเงินเฟ้อรับวิกฤติยูเครน-รัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย รับมือวิกฤติยูเครน-รัสเซีย ลดเป้าจีดีพีปีนี้ เหลือ 2.5-4.5% และเพิ่มกรอบเงินเฟ้อเป็น 2 - 3% หลังราคาน้ำมันพุ่ง เสนอตั้งคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน เกาะติดสถานการณ์ วางแผนลดผลกระทบรอบด้าน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประจำเดือนมีนาคม กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. มีมติปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2565 มาอยู่ที่ 2.5-4.5% จากเดิม 3.0-4.5% ,เพิ่มกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เป็น 2.0-3.0% จากเดิม 1.5-2.5% ส่วนการส่งออก ยังคงเป้าเดิมที่ขยายตัว 3.0-5.0%

กกร.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทย จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในหลายด้าน โดยเงินเฟ้อ มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมาก ตามทิศทางราคาพลังงาน เป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศ ส่วนการส่งออก ไทยได้รับผลกระทบทางตรงจากตลาดรัสเซียและยูเครนไม่มาก แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าอื่นที่ชะลอลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป

ทางด้านการท่องเที่ยว กระทบภาพรวมท่องเที่ยวไทยไม่มากนัก แต่อาจได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่จะลดลง จากมาตรการจำกัดการเดินทาง เช่น การปิดน่านฟ้า

กกร.เสนอภาครัฐ ตั้งคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน เกาะติดสถานการณ์ เพื่อให้เอกชนได้รับข้อมูลจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การปิดน่านฟ้า ,การประกาศหยุดของสายการเดินเรือ และผลกระทบ หากเกิดกรณีคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกและพันธมิตร เพื่อวางแผนรองรับในการขนส่งสินค้าไทย

กกร.ยังประเมินสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่ระบาดรวดเร็ว พบว่า ส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจช่วงต้นปีชะลอตัวบ้าง แต่ผลกระทบโดยรวม ไม่รุนแรง สอดคล้องกับหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป แต่การบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดน้อยกว่าในช่วงของการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เริ่มปรับกลยุทธ์ให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทางฝั่งเอเชีย และไทย กำลังเข้าสู่จุดสูงสุด แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรค ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจ ยังไปต่อได้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากจีนมีนโยบาย Zero COVID-19 ทำให้มีการเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผลไม้จากไทยที่ส่งออกเพื่อไปจีนเป็นอย่างมาก ทั้งการฆ่าเชื้อทุกตู้คอนเทนเนอร์ การตรวจสอบศัตรูพืชกักกัน และการตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เวลาการขนส่งจากเดิมใช้เวลาเพียง 3-5 วันเป็น 10 – 15 วันต่อเที่ยว อีกทั้งความไม่แน่นอนในการเปิด-ปิดด่าน ทำให้เกิดความแออัดที่ด่านจำนวนมาก เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการส่งออกผลไม้ของไทย ในข่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. ซึ่งหากแก้ไขไม่ทันจะทำให้ราคาสินค้าผลไม้ตกต่ำอย่างมาก

กกร.จึงเสนอให้เร่งเจรจากับรัฐบาลกลางจีน ให้เปิดด่านสถานีรถไฟบ่อหาน เพื่อรองรับสินค้าผลไม้ไทยให้ทันในเดือนเมษายน 2565 นี้ และขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชม. เพิ่มช่องทาง Green lane ในการตรวจสินค้าผลไม้ รวมถึงขอให้มีการพิจารณาเพิ่มการอนุญาตจำนวนรถบรรทุกให้ผ่านด่านในเส้นทาง R3A ให้มากขึ้น และขอให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและผลักดันการเปิดด่านกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง

นายสุพันธุ์ บอกด้วยว่า ภาคเอกชน ขอบคุณรัฐบาล ที่ผ่อนคลายมาตรการ Test & GO ด้วยการลดจำนวนวันตรวจ RT-PCR เหลือวันเดียว ส่วนการตรวจครั้งที่ 2 หรือ วันที่ 5 หลังเดินทางเข้าประเทศ ปรับเป็นการตรวจด้วย ATK แทน และมองว่า หากภาครัฐ ยกเลิกมาตรการ Test & GO ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและ นักลงทุนจากต่างชาติได้มาก ซึ่งจะเป็นแรงหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น