xs
xsm
sm
md
lg

รันทด! 7 ชีวิตอยู่อย่างยากจนข้นแค้น มีทั้งคนป่วยและเด็ก เหลือหัวหน้าครอบครัวทำงานได้แค่คนเดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จักครอบครัวของ “ป้านก” ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากจนข้นแค้นที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่ง 7 ชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีทั้งเด็กและคนป่วย ขณะที่เสาหลักในการหารายได้ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียว ทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย



แทบไม่น่าเชื่อว่า ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งใน ต.ท้ายบ้าน จ.สมุทรปราการ ที่ห่างไกลจากเมืองหลวงแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร จะมีครอบครัวยากจนที่อยู่กันอย่างแร้นแค้นครอบครัวหนึ่ง


ครอบครัวนี้มี “วาสนา จำปีคง” หรือป้านก อายุ 55 ปี เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวอีกหลายชีวิต ทั้งแม่ที่ป่วยจนเดินไม่ได้ น้องสาวที่ป่วยจิตเวช ลูกสาวที่ป่วยทำงานไม่ได้ และหลานอีก 2 ชีวิต โชคดีที่ป้านกยังมีสามีที่ดีช่วยเป็นเสาหลักในการหารายได้ เพราะขณะนี้ป้านกก็เริ่มป่วยด้วยอีกคน


“เขาอยู่ด้วยกัน 7 ชีวิต มีแม่ที่เป็นเบาหวาน มีน้องที่เป็นประสาทคนหนึ่งผู้หญิง มีหลาน และลูกของพี่นกเอง 2 คน และมีหลานที่เป็นลูกของน้องชายมาอยู่อีกคนหนึ่ง พี่นกเป็นกำลังหลักกับสามี” ประไพ ปิ่นปราณี เพื่อนบ้าน เล่าถึงสภาพครอบครัวป้านกให้ฟัง


บ้านหรืออาจจะเรียกว่า เพิงพักชั่วคราว ที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรม หลังคารั่ว คือที่ที่ป้านกและครอบครัวอาศัยอยู่มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งอยู่บนที่ลำรางสาธารณะติดกับสุสานท้ายบ้าน เวลาฝนตก น้ำก็รั่วจากรูบนหลังคา หากตกหนัก น้ำก็ท่วม!!


ในอดีต พ่อแม่ของป้านกทำงานเป็นลูกจ้างรายวันอยู่ที่สะพานปลาใน ต.ท้ายบ้าน แม้ป้านกจะทำงานรับจ้างที่สะพานปลาเช่นกัน แต่หลังจากตนเองและแม่ป่วย จึงเลิกทำ และหันมารับจ้างปอกกระเทียมแทน

“มาปอกกระเทียม ไม่มีความรู้ ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้เรียน พูดตรงๆ เลย เขียนไม่ได้เลย เขียนได้ 1-2 ตัวเอง เขียนชื่อเล่นได้ ชื่อจริงเขียนไม่ได้”วาสนา จำปีคง (ป้านก)


ขณะที่ “ลออ อินทรเมือง” คุณแม่ของป้านก ก็ถูกโรคเบาหวานรุมเร้า จนเดินไม่ได้มา 5 ปีแล้ว

“ตอนนี้เดินไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วมันเจ็บ 5 ปีแล้วที่เดินไม่ได้”


สำหรับป้านกเอง สุขภาพก็เริ่มทรุดด้วยหลายโรครุมเร้า จึงทำงานไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“รับจ้างปอกกระเทียมมา 10 กว่าปีแล้ว ก็อยากทำต่อ แต่ทำไม่ได้ ปวดหลัง ตอนนี้มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน ความดัน โรคไต กลัวเหมือนกันถ้าต้องฟอกไต กลัวไม่มีตังค์”


แม้สุขภาพไม่เอื้อให้ทำงานเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังโชคดีที่ป้านกมีคู่ชีวิตที่ดีอย่างลุงสมบัติ แซ่เจ็ง ที่อยู่กินกันมากว่า 10 ปีแล้ว ช่วยเป็นกำลังหลักหารายได้เลี้ยงครอบครัวหลายชีวิตด้วยอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงงาน ค่าตอบแทนเดือนละ 1.2 หมื่นบาท


“เห็นเขาไปถางหญ้าที่สุสานตรงนี้ ปลูกหญ้าตามสุสาน หลุมเก็บศพ สงสารเขา เขาก็ดูแลแม่ คิดว่าอยู่ด้วยกัน เราก็ดูแลกันไป จนกว่าเราจากกันไปข้างหนึ่ง ชีวิตเมื่อเราเลือกแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ทำให้ดีที่สุด”


เมื่อรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในการดูแล 7 ชีวิต คำว่า อดทนและทนอดเท่านั้นที่จะทำให้สมาชิกทุกคนอยู่รอด

“บางทีก็ปรับทุกข์กันว่า จะเอายังไงดี ครอบครัวฉันก็คนเยอะ เขาบอกไม่เป็นไร ก็ช่วยกันไป มีก็กิน ไม่มีก็อด บางทีหนูอด พูดจริงๆ เลย อดก็ต้องทน”วาสนา จำปีคง (ป้านก)


ความยากจนไม่ใช่แค่ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องทนอด แต่ยังอัตคัตไปเสียทุกอย่างแม้กระทั่งข้าวของเครื่องใช้จำเป็นที่ควรมี

“ตอนนี้ลำบากมาก ของใช้อะไรไม่มีเลย มีทีวีก็เสีย มีพัดลมอย่างเดียว กระทะไฟฟ้าก็เสีย หม้อหุงข้าวเสีย หลังคารั่ว ฝนตกเปียกสาด ฝนตก ฉันก็ย้ายที่นอนจากตรงนี้มาตรงนี้ ทุกข์มาก แต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ นอนก็คิดว่า เมื่อไรจะหายสักที ไปไหนก็ไปไม่ได้ ก็มีน้อยเนื้อต่ำใจบ้างที่เคยมองเห็น เดินได้ แต่กลายเป็นภาระของลูกหลาน เสียใจมากที่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่เป็นไปแล้วทำยังไงได้ ก็ต้องทน” ลออ อินทรเมือง คุณแม่ของป้านก


ขณะที่ “อังคณา อินทรเมือง” หรือแพ หลานสาว ซึ่งเป็นลูกของน้องชายป้านก ที่ป้านกให้การดูแลเช่นกัน “แพ” ไม่เพียงเดินชีวิตผิดพลาด จนมีลูกก่อนวัยอันควรในวัยแค่ 19 แต่ความยากจน ยังทำให้เธอไม่มีทางเลือกในการกินเพื่ออยู่รอด จนทำให้เธอต้องป่วยในที่สุด!!


“หนูรู้สึกผิดด้วยแหละ ยายเขาสั่งสอนมาว่าอย่าเพิ่งมีแฟน ก็ไม่เชื่อเขา อยากลอง พลาดมา ก็ไม่รู้จะทำยังไง ยายแกก็ไม่ด่าไม่ว่า พลาดมาแล้วก็ต้องเลี้ยงๆ กันไป”

“ตอนนี้ป่วยเป็นปอดติดเชื้อ หูก็เป็นน้ำหนวก เพิ่งไปหาหมอมา หมอให้ยามาหยอด ให้ยามากิน ส่วนจมูกเป็นแผล เพราะตอนที่ยังทำงานไหว ไปคัดปลา แล้วน้ำปลามันกระเด็นเกาะ และมือสกปรก ติดเชื้อ เลยเกิดเป็นแผล”


ความยากจน ทำให้ “แพ” นำปลาที่ถูกคัดทิ้งจากการทำงานที่สะพานปลา มาเป็นอาหาร และนั่นอาจเป็นสาเหตุให้เธอป่วยจนถึงวันนี้

“ปอดติดเชื้อเขาบอกเกี่ยวกับอาหาร ปลาที่ถูกคัดทิ้งบางตัวก็เละ บางตัวก็หัวไม่มี เป็นปลาที่ไม่ค่อยดีแล้ว เหมือนปลามันทับๆ กันมา คล้ายๆ มันเริ่มเสียแล้ว (ถาม-แล้วเรากินได้ยังไง ปลาเน่าปลาเสีย?) ต้องทนกินไป เอามาตัดหัวต้มเค็ม เอามาทอดบ้าง บางตัวกินไม่ได้ ก็ต้องทิ้ง ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว ไม่ไหว ป่วยมาจะ 4 เดือนแล้ว เดินแล้วมันก็เหนื่อย สั่นไปทั้งตัว”


ด้าน “เนตร จำปีคง” หรือป้าเนตร น้องสาวของป้านก ซึ่งเคยทำงานโรงงาน แต่สุดท้ายป่วยด้วยโรคจิตเวช และไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ป้าเนตรวันนี้มีภาวะทางอารมณ์ผิดปกติจากคนทั่วไป

“มันเป็นประสาท ทีแรกไปทำโรงงาน เสื้อผ้าก็ติดไม่ได้ ผ้าผ่อนก็นุ่งไม่ได้ น้ำลายไหลยืดเลย” ลออ อินทรเมือง คุณแม่ของป้านก


ขณะที่ “ต้นหอม” หลานสาววัย 6 ขวบ ที่เกิดจากลูกของป้านกที่แยกครอบครัวออกไปแล้ว แต่ฝากลูกไว้ให้ป้านกดูแลตั้งแต่แบเบาะ ก็ไม่เคยส่งเสียหรือช่วยเหลือใดๆ


ทั้งความยากจน ทั้งโรคที่รุมเร้าหลายชีวิตในครอบครัว แม้เป็นแรงบีบคั้นป้านกเพียงใด ป้านกยังพร้อมสู้ต่อไป แม้ร่างกายทำงานไม่ไหว

“ก็คิดว่าอยากรับจ้างปอกกระเทียมต่อเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ก็ไม่ไหว นั่งแล้วปวดหลังมาก บางทีทำ ก็ลงไปนอนเลย ท้อ แต่ต้องสู้ สู้เพื่อพ่อแม่ พี่น้อง หลานๆ”


หากท่านใดต้องการช่วยเหลือเป็นกำลังใจ สามารถบริจาคไปได้ที่ ธนาคารออมสิน สาขาโรบินสัน สาขาสมุทรปราการ ชื่อบัญชี วาสนา จำปีคง เลขที่บัญชี 020-2-73257-863

คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “สุดแรงหวัง”
https://www.youtube.com/watch?v=f-E-IuVwO84


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น