ตรุษจีนปี65ไม่คึกคัก ผลจากปัญหาสินค้าราคาแพง ฉุดเงินสะพัดต่ำสุดในรอบ 11 ปี ไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ไม่มีผลกับการใช้จ่ายมากนัก เพราะประชาชน ปรับตัว ใช้ชีวิต New Normal หวังสถานการณ์คลี่คลายภายในไตรมาสแรก
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2565 ไม่คึกคัก โดยมีมูลค่าเงินสะพัด 39,627 ล้านบาท ขยายตัวติดลบ 11.82%จากตรุษจีนปีก่อน เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเป็นมูลค่าเงินสะพัดที่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวว่า ประชาชน ยังกังวลภาวะเศรษฐกิจ ,ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากสินค้าราคาแพง ,มีรายได้ลดลง จึงต้องจำกัดการซื้อสินค้าไหว้เจ้า ,ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว
ส่วนการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ไม่มีผลกับการใช้จ่ายและการเดินทางของประชาชนมากนัก เพราะประชาชนปรับตัว ,ระมัดระวังในการป้องกันการแพร่ระบาดมากขึ้น ดังนั้นเรื่องโควิด จึงไม่ส่งผลกระทบกับพฤติกรรมของประชาชนมาก เหมือนในช่วง 3 ปีก่อน ที่เพิ่งเกิดโควิด-19
ผลสำรวจ พบว่า ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 2 หมื่นบาท จะได้รับผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และมีปัญหาหนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าแรงในขณะนี้ จะเป็นแรงกดดันเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจ และอาจทำให้ผู้ประกอบการ ตัดสินใจเลิกจ้างได้
นายธนวรรธน์ มองว่า รัฐบาล ต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เติมเงินในกระเป๋าของประชาชน เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่สถานการณ์ราคาสินค้าราคาแพง ขณะเดียวกันต้องควบคุมโควิด ให้ได้ภายในไตรมาสแรกของปี เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 2 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2565 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5%