คปภ. สั่งปรับอาคเนย์ประกันภัย กว่า 1.8 ล้านบาท ปมประวิงจ่ายค่าสินไหม "น้องหญิง" กรณีเสียชีวิตเหตุรถเบนซ์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ ที่บุรีรัมย์
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ชี้แจงความคืบหน้าประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจกรณีรถยนต์คัน ที่ทำประกันภัยไว้กับ บมจ. อาคเนย์ประกันภัย เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และศาลจังหวัดบุรีรัมย์ มีคําพิพากษาถึงที่สุด ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ว่า ผู้เอาประกันภัย ซึ่งขับขี่รถยนต์ คันเอาประกันภัยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี มีหนังสือแจ้งบริษัทประกันภัยให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว
แต่บริษัทดังกล่าว โต้แย้งในข้อเท็จจริง จนต่อมามารดาของผู้เสียชีวิต ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และ คปภ. มีหนังสือแจ้งความเห็นให้บริษัทพิจารณาทบทวน ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่บริษัท ยังปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้ศาลจะมีคําพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
สำนักงาน คปภ.นำกรณีนี้ เข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงาน เสนอแนวทางกำหนดเกณฑ์ความผิดต่อเนื่องที่มีโทษปรับรายวัน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และล่าสุด ได้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเปรียบเทียบ วันที่ 7 ธันวาคม พบว่า การกระทำของบริษัท เป็นการจงใจฝ่าฝืนข้อตกลงแห่งสัญญาประกันภัย หรือกฎเกณฑ์ใดๆ ที่กำหนดให้บริษัท มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 36 มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 88 แห่ง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
คณะกรรมการเปรียบเทียบ จึงมีมติให้เปรียบเทียบปรับ บมจ. อาคเนย์ประกันภัย ในอัตราโทษสูงสุดเป็นเงินทั้งสิ้น 1,858,400 บาท และปรับรายวัน วันละ 20,200 บาท จนกว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต
เลขาธิการ คปภ. ย้ำว่า ความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหม เป็นโทษปรับทางอาญา ซึ่งในเรื่องนี้สำนักงาน คปภ.ดำเนินการด้วยความรอบคอบ รับฟังพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย พร้อมส่งทีมงานลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพยานหลักฐานครบถ้วน เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นไปอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม