รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสสนทนากับ “หลวงพ่ออลงกต” แห่งวัดพระบาทน้ำพุ ถึงแนวคิดและโครงการต่างๆ ที่หลวงพ่อได้อุทิศตนทำเพื่อสังคมตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมากมายหลายโครงการ ไม่ใช่เฉพาะดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์
“ก่อนจะมาเป็นพระ หลวงพ่อทำงานประจำ เป็นข้าราชการ ตอนนั้นอายุประมาณ 26-27 แล้ว จริงๆ ตั้งใจจะบวชแค่พรรษาเดียว แล้วก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม”
หลวงพ่ออลงกต หรือพระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี บอกเล่าถึงความตั้งใจแรกเมื่อครั้งเป็นวิศวกรหนุ่มที่ต้องการบวชแค่ 1 พรรษา แต่ในที่สุด กลับเลือกที่จะอยู่ในเพศบรรพชิตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ทั้งที่หากหลวงพ่อเลือกใช้ชีวิตทางโลก อาชีพการงานขณะนั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับหลวงพ่อได้ไม่ยาก
“คิดว่าเรามีความรู้ความสามารถมากพอที่จะไปทำอะไรก็ได้ เอาง่ายๆ ว่า ถ้าอยากเป็นคนรวย ก็รวยได้ไม่ยาก หลวงพ่อเชื่อมั่นตัวเองอย่างนั้นและทำได้จริงๆ แต่พอมาศึกษาธรรมะมากขึ้นๆ มันได้ความสุขจากการที่เราได้ปฏิบัติธรรมะ ผู้ปฏิบัติจะฝึกเห็นได้เอง หลวงพ่อเลยได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตที่ดีที่สุดควรเป็นยังไง ดีที่สุดและมีความสุขที่สุดเป็นยังไง หลวงพ่อพยายามค้นมันมาตั้งแต่แรกเริ่ม จนมาถึงปัจจุบันหลวงพ่อจึงได้เข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์มากขึ้นๆ ที่สุดเราก็นำเอาความรู้นี้มาใช้ในการแก้ปัญหา”
หลวงพ่ออลงกตได้ก่อตั้ง “มูลนิธิธรรมรักษ์” ขึ้นเมื่อปี 2535 เพื่อดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยหลวงพ่อดูแลด้วยตัวเอง ทั้งป้อนข้าวป้อน และพยาบาลผู้ป่วย ซึ่งการรับดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ ได้ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนที่หวาดกลัวโรคเอดส์อย่างหนัก ถึงขั้นไม่เข้าวัดพระบาทน้ำพุ
“ตอนแรกคนก็ไม่เข้าวัดเลย ชาวบ้านไม่มาทำบุญที่วัดเลย หลวงพ่อเข้าใจทำไมคนไม่เข้าวัด ทำไมผู้ป่วยเป็นเอดส์ หลวงพ่อก็เข้าใจ และหลวงพ่อก็เข้าใจว่าทำยังไงในอนาคต ชาวบ้านทั้งหมดจะเข้าวัด ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงจิตใจของคน ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยความรักและความจริง สองเรื่องนี้ที่หลวงพ่อทำตลอดชีวิต หลวงพ่อรัก ภาษาพระเรียกว่า เมตตา เมตตาอันบริสุทธิ์ใจ รักด้วยบริสุทธิ์ ไม่ได้หวังตอบแทนอะไรจากใครเลย เป็นความรักที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงง่ายที่สุด”
เกือบถอดใจ หลังเหนื่อยล้าหนักจากการดูแลผู้ป่วย!!
“หลังจากเราทำงานได้ 3 ปี มันเหนื่อยมากเลย หลวงพ่อแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะคนตายทุกวัน บางวันตาย 4-5 คน บางวันตายถึง 10 คนก็มี มันเหนื่อยล้ามากเลย หลวงพ่อเลยเดินขึ้นไปบนเขา ไปที่รอยพุทธบาท วัดพระบาทน้ำพุจะมีรอยพระบาทอยู่ มีมณฑปครอบอยู่ หลวงพ่อก็ไปนั่งอยู่หน้ามณฑป มองออกไปเห็นเมืองลพบุรี หลวงพ่อสูดลมหายใจ คำถามที่ถามตัวเอง เราจะทำไปทำไม จนสุดท้ายหลวงพ่อไปตันอยู่จุดหนึ่ง มันไปไม่ได้แล้ว ทำยังไง หลวงพ่อเลยนึกว่า ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าท่านจะทำไหม ถ้าพระพุทธเจ้ามาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ท่านจะทำไหม ตอบได้ทันทีเลย ทำ กว่าที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ท่านบำเพ็ญบารมีมากมายขนาดไหน ลองนึกดู เรื่องที่เราทำ มันเป็นผงธุลีสำหรับพระองค์ นิดเดียว ถ้าเราทำแค่นี้ไม่ได้ แล้วเราจะหวังว่าจะไปสู่นิพพานได้ยังไง ตั้งแต่นั้นหลวงพ่อจึงใช้การกระทำของตัวเองทุกอย่าง เพื่อบำเพ็ญบารมีหรือสร้างพลังให้ตัวเอง”
ไม่ใช่แค่ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่อุปการะญาติของผู้ป่วยด้วย!!
“เราเริ่มจากดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ ต่อมาเป็นเรื่องของเด็ก ที่เป็นลูกของคนเป็นเอดส์ คือเด็กที่ติดเชื้อ เด็กกำพร้า หลวงพ่อก็ดูแลมาถึงทุกวันนี้ทั้ง 2 เรื่อง จากนั้นก็ขยายไปดูเรื่องของคนชรา คนชราเกิดจากที่ว่าคนบางคนเอาพ่อแม่ เอาแม่มาอยู่ด้วย พอลูกตายก็ฝากแม่ไว้ พอลูกตายก็ทิ้งยายไว้ให้หลวงพ่อ นี่เป็นที่มาว่าหลวงพ่อต้องดูแลคนชรา จาก 1 คน เป็น 2 คน ก็มากขึ้น จนหลวงพ่อรู้สึกว่าประเทศไทยเราปัญหาเรื่องคนชราเป็นปัญหาใหญ่นะ ในอนาคตนะ หลวงพ่อเลยวางเส้นทางว่า ต่อไปเราก็จะดูแลคนชราอนาถาไม่มีลูกหลาน”
ไม่เท่านั้น เมตตาของหลวงพ่ออลงกตยังเผื่อแผ่ถึงสรรพสัตว์อีกจำนวนมาก
“ปัจจุบัน หลวงพ่อก็มาดูแลเรื่องสำคัญอีก คือเรื่องของสัตว์ ที่ผู้คนเลี้ยงแล้วเลี้ยงไม่ไหว เช่น หมา หลวงพ่อก็เก็บหมาจรจัด หมาที่เขาเอามาถวาย หรือหมาที่ชาวบ้านไม่มีปัญญาเลี้ยงแล้ว ฝากหลวงพ่อเลี้ยง หลวงพ่อก็เลี้ยงทั้งหมาทั้งแมว แมวก็มี 400-500 ตัว เดี๋ยวนี้ก็ขยายไปเรื่องลิงแล้ว เพราะลิงมาอยู่วัดมากขึ้น 400-500 ตัว เราก็ต้องมีอาหารให้ลิงกินทุกวัน เพราะลพบุรีเป็นเมืองลิง”
ผุดกองทุนช่วยเหลือศิลปินยามป่วยไข้ไร้ที่พึ่ง
“ปัญหาเรื่องศิลปินนักร้อง ทั้งลูกทุ่งลูกกรุง พอเวลาถึงช่วงจังหวะหนึ่ง เขาแก่ ก็ไม่มีคนช่วยเขา บางคนเป็นตลก พอเจ็บป่วยมา เป็นมะเร็ง จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีเงินรักษา ก็มาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อจึงมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่งดูแลสังคมแบบผู้ที่เป็นศิลปินเจ็บป่วยเสียชีวิต เราก็มีกองทุนช่วยเหลือศิลปิน”
ทำ รพ.สนามรองรับผู้ป่วยโควิด
“อย่างทุกวันนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก มีโควิดมา งานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เราก็มาสร้าง รพ.สนาม รับโควิดด้วย ทำทุกอย่างโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ที่พัก อาหาร เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องเอกซเรย์ เครื่องช่วยหายใจ ยาดีๆ เรามีให้หมดเลย โดยเราไม่เก็บค่าใช้จ่ายอะไรจากผู้ป่วยเลย ก็เป็นงานที่เราทำได้ สรุปนะ อะไรที่เราทำได้ เราก็ทำ”
ช่วยเด็กมีการศึกษา-มีงาน-รายได้!!
“จากที่หลวงพ่อดูแลเด็กๆ มากมาย หลวงพ่อมีความคิดอย่างหนึ่ง ลูกๆ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อะไรล่ะที่ทำให้พึ่งตัวเองได้ คนนี้เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย คนนี้ปลูกผัก คนนี้เลี้ยงไก่ นี่พึ่งตัวเองได้ เรียกว่าทำงานอาชีพ บางคนอยากเล่นดนตรี หลวงพ่อก็หาอุปกรณ์เครื่องมือดนตรีดีๆ นะ หลวงพ่อมองว่า อาชีพเรื่องการกีฬา ก็เป็นไปได้เยอะ ฟุตบอล (ศูนย์ฝึกฟุตบอล ใจฟ้า อคาเดมี) บางคนมอง เกี่ยวอะไรกับพระ ฟุตบอล เด็กๆ ที่อยู่กับหลวงพ่อ ไม่ได้ต้องเสียตังค์แม้แต่บาทเดียว เด็กทุกคนมีรายได้ตั้งแต่เข้ามาวันแรกของการฝึกแล้ว ตอนนี้เด็กทุกคนมีเงินเดือนแล้ว 900 บาททุกคน เสื้อผ้าฟรี อาหารฟรี ตื่นมาได้ดื่มนม หลวงพ่อเลี้ยงนมวัว รีดนมวัว ให้ลูกๆ ดื่มสดๆ ทุกวัน ปลูกผักปลอดสารพิษให้ลูกกิน เลี้ยงไก่เพื่อเอาไข่มาให้ลูกเรากิน อยากให้ลูกเราโตเหมือนฝรั่ง ตัวสูงใหญ่ เล่นฟุตบอลมันต้องนะ ต้องแข็งแกร่งด้วย อยู่ฟรีกินฟรี มีการศึกษาให้ เรียนให้จบปริญญาตรี”
จัดคอนเสิร์ตแห่งการให้ อยากเห็นคนไทยรักกัน
“อีกหนึ่งงานที่หลวงพ่ออยากทำในชีวิตนี้คือ ให้คนไทยเราหันหน้ามามองกัน พูดคุยกัน เข้าใจกัน และนำมาสู่ความรักกัน หลวงพ่อมองว่า พลังที่จะมาขับเคลื่อนเรื่องนี้คือ ศิลปิน หลวงพ่อจึงว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่เราจะใช้ศิลปิน ให้ศิลปินมาช่วยกันสร้างความรักความสามัคคีขึ้นในชาติ ด้วยแนวคิดคือ ไทยรักกัน นี่เป็นคอนเสิร์ต ไม่ใช่คอนเสิร์ตอย่างเดียวนะ มันเป็นคอนเสิร์ตแห่งการให้ เป็นฟรีคอนเสิร์ต และทุกครั้งที่เราเล่นคอนเสิร์ต ก็จะมีขนม เสื้อผ้า ตุ๊กตาไปแจกเด็ก มีอาหารทานฟรี เป็นโรงทาน คนมาดูคอนเสิร์ตได้มีอาหารทานฟรีด้วย ก็มีความสุข เราก็พูดเรื่องนี้ว่า อยากให้คนไทยรักกัน โดยเอาดนตรีเป็นสื่อเท่านั้นเอง”
30 ปีแห่งการดำรงตนในเพศบรรพชิต หลวงพ่ออลงกตได้อุทิศตนเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบ ไม่เพียงเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่ยังเป็นที่พึ่งพิงให้อีกหลายชีวิตที่เดือดร้อนทุกข์ยาก โดยหลวงพ่อยืนยัน จะทำทุกสิ่ง ที่ทำได้ ด้วยหลักคิดที่ว่า“เราเกิดมาแล้ว ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด นั่นคือความสำเร็จสูงสุดของชีวิต”
หากท่านใดต้องการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของวัดพระบาทน้ำพุ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-751-8800, 066-151-0440 หรือบริจาคได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม ชื่อบัญชี กองทุนอาทรประชานาถ เลขที่บัญชี 174-2-39000-0
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หลวงพ่ออลงกต...พระผู้เป็นที่พึ่ง”
https://www.youtube.com/watch?v=M4sJTkm6rKk&t=853s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos
