กระทรวงพาณิชย์ ระดมมาตรการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ มั่นใจราคาจะดีขึ้น จากคำสั่งซื้อต่างประเทศที่มีมากขึ้น คาดว่าปริมาณการส่งออกทั้งปีจะใกล้เคียงเป้าหมาย 6 ล้านตัน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าว ที่ลดต่ำลงในช่วงนี้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งด้านความต้องการส่งออกข้าวไปต่างประเทศและการบริโภคในประเทศที่ลดลง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา พายุดีเปรสชั่นเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้มีฝนตกชุก และหลายพื้นที่ ประสบปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อคุณภาพข้าว โดยราคาข้าว จะขึ้นอยู่กับความชื้นและคุณภาพ ซึ่งการซื้อขายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับราคาข้าว ตามโครงการของรัฐบาลที่ผ่านๆ มา จะใช้ราคา ณ ความชื้น 15% เป็นเกณฑ์มาตรฐาน
ปัจจุบันเกษตรกร จะเก็บเกี่ยวและจำหน่ายให้กับโรงสีทันที ซึ่งมีความชื้นสูงประมาณ 30% เรียกข้าวสด ไม่สามารถนำไปสีได้ทันที ต้องลดให้เหลือที่ความชื้นมาตรฐานไม่เกิน 15% กรณีที่เกษตรกรจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิที่ความชื้น 30% ที่กิโลกรัมละ 8.10 บาท หรือตันละ 8,100 บาท เมื่อคำนวณเป็นข้าวแห้ง มีราคาตันละ 10,500 บาท หรือกรณีจำหน่ายข้าวเปลือกเหนียว ที่ความชื้น 30% ในราคากิโลกรัม ละ 5.6 บาท หรือตันละ 5,600 บาท เมื่อคำนวณเป็นข้าวแห้ง มีราคาตันละ 7,300 บาท ซึ่งราคาที่เกษตรกรได้รับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและสิ่งเจือปนด้วย
แม้ว่าราคาข้าวจะลดต่ำลง แต่เกษตรกรยังได้รับการดูแลภายใต้โครงการประกันรายได้ปี 2564/2565 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้รับทราบผลการหารือเกี่ยวกับต้นทุนเงินของ ธ.ก.ส. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ธ.ก.ส. จะสามารถจ่ายเงินงวดแรกได้ภายในวันอังคารหน้านี้ สำหรับราคาเป้าหมายประกันรายได้ข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
3) ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ตัน
4) ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
5) ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 งวดที่ 1 คณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง มีมติเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสำหรับเกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลังระหว่างวันที่ 5-14 ตุลาคม 2564 และภายหลังคณะรัฐมนตรีได้รับทราบผลการหารือเกี่ยวกับต้นทุนของ ธกส แล้ว เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 คณะอนุกรรมการฯ ได้ออกประกาศกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างข้าวแต่ละชนิด งวดที่ 1 ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 10,864.23 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 4,135.77 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 10,407.75 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 3,592.25 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 9,947.87 บาท/ตัน ชดเชยตันละ1,052.13 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 8,065.38 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 1,934.62 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 7,662.53 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 4,337.47 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรภายใน 3 วันทำการ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคู่ขนาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงิน 18,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และล่าสุด กรมการค้าภายใน ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการนอกพื้นที่ เข้าไปช่วยรับซื้อข้าวเหนียวในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 13 จุด ใน 7 จังหวัด และอนุมัติโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกให้มีผู้รับซื้อ เข้าไปแข่งขันรับซื้อในพื้นที่ ที่มีผู้รับซื้อไม่เพียงพอต่อผลผลิต เพื่อให้เกิดการแข่งขันและราคา จำนวน 30 จุด ใน 19 จังหวัด
ส่วนสถานการณ์ส่งออกข้าวในขณะนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า มีทิศทางที่ดี จากคำสั่งซื้อต่างประเทศที่มีมากขึ้น ในช่วง 6 เดือนหลัง คาดว่า ปริมาณการส่งออกทั้งปีจะใกล้เคียงกับเป้าหมาย 6 ล้านตัน และมองว่า สถานการณ์ข้าวในประเทศ มีสัญญานดีขึ้น จากการผ่อนคลายเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะทำให้ความต้องการบริโภค มีมากขึ้น อีกทั้งสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย รวมทั้งมาตรการคู่ขนาน จึงน่าจะส่งผลให้สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในตลาด ดีขึ้น