สำนักงาน กสทช. ยกระดับมาตรการจัดการปัญหา SMS หลอกลวง คุมเข้มลงโทษทางปกครองผู้ให้บริการเนื้อหาที่ปล่อยให้มี SMS หลอก ลวงส่งไปยังประชาชน พร้อมส่งเรื่องให้ดีอีเอสและตำรวจ ดำเนินคดีตามกฎหมายกับมิจฉาชีพ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวว่า จากการประชุมติดตามและกำกับดูแลกรณีมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงประชาชน ,การชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และลามกอนาจาร ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ประกอบการโทรคมนาคม ที่ประชุมได้ข้อสรุป จะยกระดับมาตรการจัดการปัญหา SMS หลอกลวงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยสำนักงาน กสทช. ได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อความ และการกำหนดชื่อ Sender name ซึ่งจะเริ่มจากต้นทางของการส่ง SMS จากผู้ให้บริการเนื้อหา ดังนี้
1.ผู้ให้บริการเนื้อหาต้องมีระบบยืนยันตัวตนของลูกค้าที่มาซื้อ SMS ที่ชัดเจน และตรวจสอบได้
2.ข้อความใน SMS และชื่อ Sender name ต้องไม่ให้ลูกค้ากำหนดเองได้โดยอิสระแต่ต้องแจ้งผ่านผู้ให้บริการทราบก่อน 3.การกำหนด Sender name ต้องไม่มีลักษณะเป็นเลขหมายโทรศัพท์
4.หากชื่อ Sender name ตรงกับ หรือคล้ายกับ ชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายการค้า ทางผู้ให้บริการสามารถขอเอกสารจากลูกค้าในการรับรอง หรือการได้รับความยินยอมให้ใช้ชื่อจากเจ้าของชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายทางการค้านั้นๆ ได้
5.ข้อความไม่ควรมี link เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่อการกระทำผิด
สำหรับแนวปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล และการดำเนินการกรณีพบข้อความที่ผิดกฎหมายที่จะใช้ในการดำเนินการของผู้ให้บริการโทรคมนาคม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และสำนักงาน กสทช. นั้น สำนักงานฯ กำหนดให้
1.ผู้ให้บริการต้องส่งรายชื่อ Sender name ให้สำนักงาน กสทช. รวบรวม
2.หากทางตำรวจต้องการข้อมูลของผู้ส่งข้อความจาก Sender name ที่กระทำผิดกฎหมายจะได้ประสานสำนักงาน กสทช. เพื่อขอข้อมูลผู้ให้บริการที่เป็นต้นทางการส่งข้อความดังกล่าว ก่อนออกหมายฯ เพื่อขอข้อมูลส่งข้อความ ไปยังผู้ให้บริการ 3.สำนักงาน กสทช. จะแจ้งผู้ให้บริการทราบกรณีการขอหมายฯ จากตำรวจเพื่อให้ผู้ให้บริการเตรียมข้อมูล โดยเมื่อผู้ให้บริการได้รับหมายแล้ว จะต้องให้ข้อมูลแก่ตำรวจโดยไม่ชักช้า
ส่วนแนวปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล และการดำเนินการกรณีพบข้อความที่ผิดกฎหมาย ในระหว่างที่รอหมายฯ จากตำรวจ สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการจะดำเนินการระงับการส่งข้อความ (SMS) จาก Sender name นั้นโดยเร็ว และผู้ให้บริการต้องตักเตือนลูกค้าของตนให้ทราบถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว ซึ่งหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีกจะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ในกรณีที่เป็นการส่งข้อความ (SMS) ข้ามโครงข่าย ให้ผู้ให้บริการปลายทางแจ้งผู้ให้บริการต้นทางที่ส่ง SMS รับทราบปัญหา โดยให้ผู้บริการต้นทางระงับการส่งภายใน 24 ชั่วโมง
ประเด็นที่สำนักงาน กสทช. ผู้ประการโทรคมนาคม จะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ได้แก่
1.แนวทางการจัดทำ White List Sender
2.แนวที่ให้ผู้ส่งข้อความให้ความยินยอมที่จะให้ตรวจข้อความที่ส่ง กรณีมีผู้ร้องเรียน
3.แนวทางการดำเนินการสำหรับข้อความที่เป็นการโฆษณา ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหา SMS หลอกลวงสำเร็จได้
ในส่วนของการลงโทษ ทางสำนักงาน กสทช. จะออกคำสั่งทางปกครองกับผู้ให้บริการเนื้อหาที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา SMS หลอกลวง ที่ยังปล่อยให้มี SMS หลอกลวงส่งไปยังประชาชน โดยจะมีคำสั่ง ตักเตือน ,ปรับ, พักใบอนุญาต จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต ตามข้อเท็จจริง
นายไตรรัตน์ ย้ำด้วยว่า กสทช. ขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อข้อความจาก SMS โดยง่าย อย่ากรอก Username Password ที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ กับธนาคารในลิงค์ที่ส่งมากับ SMS หรือ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ไปกับคนที่โทร.มาสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์ง่ายๆ ควรตรวจสอบที่มาของ SMS หรือ หน่วยงานที่โทรศัพท์เข้ามาให้แน่ใจก่อน เพื่อระมัดระวัง ไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพที่จะเอาข้อมูลส่วนตัวของเรา ไปใช้ทำธุรกรรม ขโมยเงินของเรา หรือนำไปก่อความเสียหายได้
หากประชาชนประสบปัญหา หรือต้องการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ SMS และโทรศัพท์หลอกลวง แจ้งได้ที่ Call Center สำนักงาน กสทช. 1200 โทรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือ แจ้งไปยัง Call Center ของค่ายมือถือที่ใช้บริการอยู่ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ที่แต่ละค่ายมีไว้เพื่อรับข้อมูลเรื่อง SMS และโทรศัพท์หลอกลวง โดยเฉพาะ