สมาคมสายการบินประเทศไทย วอนภาครัฐ เร่งเยียวยาผลกระทบธุรกิจสายการบิน ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ หลังยื่นข้อเสนอไปตั้งแต่การระบาดระลอกแรก หวังพยุงธุรกิจและชีวิตพนักงาน เกือบ 2 หมื่นคน
สมาคมสายการบินประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย 7 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวยส์, ไทยแอร์เอเชีย, ไทยสมายล์แอร์เวย์, ไทยไลอ้อนแอร์ , ไทยเวียตเจ็ท, ไทยแอร์เอเซียเอ็กซ์ และนกแอร์ จัดประชุมนัดพิเศษในรูปแบบ virtual conference หลังถูกระงับบินชั่วคราวตามคำสั่งของ ศบค. ตั้งเเต่วันนี้ (21 ก.ค.)
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย และคณะกรรมการของ 7 สายการบิน ออกเเถลงการณ์ร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ที่รัฐบาล จะจัดสรรให้กับสายการบินทั้ง 7 สาย ซึ่งทางสมาคมฯ ได้ยื่นเอกสารไปตั้งเเต่การระบาดของโควิด-19 รอบเเรก เมื่อเดือนมีนาคม 2563 และได้เข้าพบ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 เพื่อร้องขอให้เร่งพิจารณาเรื่องสินเชื่อ และล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ทางสมาคมฯ ได้ส่งหนังสือติดตามเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งจนถึงปัจจุบน ก็ยังคงไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐบาล รวมเป็นระยะเวลา 478 วัน ตั้งแต่วันแรกที่ทางสมาคมฯ ยื่นหนังสือฯไป
ล่าสุดสมาคมสายการบินประเทศไทย ปรับลดวงเงินขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำข องทั้ง 7 สายการบิน จากวงเงินรวม 2.4 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 5 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการรักษาการจ้างงานพนักงานสายการบินทั้ง 7 สาย รวมเกือบ 2 หมื่นคน ในครึ่งหลังของปี 2564
สมาชิกสมาคมสายการบิน มองว่า มาตรการควบคุมโควิดล่าสุดของรัฐบาล ที่จำกัดการเดินทาง ทำให้ต้องระงับเส้นทางบินชั่วคราว ทุกเส้นทางบินเข้าออกพื้นที่สีเเดงเข้ม ตั้งเเต่ 21 กรกฎาคมนี้ ทำให้ปัจจุบัน 7 สายการบิน มีเครื่องบินที่ต้องจอดนิ่งรวมกว่า 170 ลำ และมีค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนพนักงานทั้งสิ้นรวมกว่า 900 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนด้านการปฏิบัติการบินและการบำรุงรักษาเครื่องบินอีกจำนวนมาก ซึ่งทางสมาคมฯ ประเมินว่าอาจจะเเบกรับภาระไม่ไหว หากไม่ได้รับมาตรการช่วยเหลือเเละเยียวยาจากภาครัฐโดยด่วน และอาจส่งผลต่อการกลับมาให้บริการในอนาคตของสายการบิน ด้วย
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ โดย 7 สายการบิน เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณามาตรการความช่วยเหลือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยประคองธุรกิจสายการบินเเละการจ้างงานพนักงาน รวมทั้งเพื่อช่วยลดผลกระทบความเสียหายต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจเเละท่องเที่ยวภาพรวม เนื่องจากสายการบินคือธุรกิจด่านหน้าสำคัญ ที่เชื่อมต่อให้เกิดการกระจายเเละสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตลอดกว่าหนึ่งปีครึ่ง นับตั้งเเต่การเเพร่ระบาดของโควิด-19 สายการบินทั้ง 7 สาย ได้พยายามอย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือตัวเองเเละปรับตัวเพื่อประคองธุรกิจให้รอดจากสถานการณ์อันยากลำบากครั้งนี้ เรายังมีความหวังว่า รัฐบาลจะช่วยเร่งดำเนินการอนุมัติซอฟท์โลนโดยเร็วที่สุด เพราะนี่คือ “ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสายการบิน”แล้ว