รัฐบาล ยืนยันเดินหน้าเร่งหาวัคซีนเพิ่ม 100 ล้านโดสให้ทันสิ้นปีนี้ตามเป้าหมาย พร้อมให้ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ-กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ลงทะเบียนรับวัคซีน 1 พ.ค.นี้ ก่อนเริ่มฉีดระยะ 2 วันที่ 7 มิ.ย.นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นการจัดหาวัคซีน ที่ภาคเอกชนได้ประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยมีข้อสรุป ว่า รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นเอกชนในการร่วมหาวัคซีน และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้ชี้แจงว่า บริษัทต่างชาติที่ภาคเอกชนติดต่อไว้ จะสามารถนำเข้าวัคซีนได้ในช่วงปลายปี หรือ ไตรมาสที่ 4 ถือว่ามีความล่าช้า และทับซ้อนกับของรัฐบาล จึงให้รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการหาวัคซีนตามแผนเดิมภายในสิ้นปีนี้ จำนวน 100 ล้าน ส่วนการจัดหาวัคซีนของ โรงพยาบาลยังดำเนินการจัดหาวัคซีนทางเลือกต่อไป ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น และเอกชนดำเนินการได้ค่าหาวัคซีนได้ตามกำหนด และโรงพยาบาลเอกชนดำเนินการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม
ส่วนการลงทะเบียนให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีนนั้น สามารถลงทะเบียนได้ผ่านไลน์หมอพร้อม และรัฐบาลได้วางแผนฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 3 ล้านคน ฉีดไปแล้ว 1 ล้านคน เข็มที่สอง 200,000 คน / ระยะที่ 2 ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค รวม 16 ล้านคน สามารถลงทะเบียนฉีดวัคซีนได้ผ่านไลน์หมอพร้อม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. หรือติดต่อได้ที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา หรือ อสม. จะฉีดครบภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม และระยะที่ 3 ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 - 59 ปี จำนวน 31 ล้านคน ลงทะเบียนวันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป และจะเริ่มฉีดเดือนสิงหาคม
สำหรับผู้ที่ติดเชื้อและไม่สามารถหาเตียงได้นั้น นายอนุชา เผยว่า ได้มีการเปิดศูนย์แจ้งรับผู้ติดเชื้อที่ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมานคร ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงเทพฯ แล้วที่ตกค้างอยู่ที่บ้านไม่สามารถหาเตียงได้จะได้รับการคัดกรองเพื่อแยกระดับอาการตามระดับสีเขียว สีเหลือง สีแดง ก่อนส่งต่อยังสถานพยาบาล ซึ่งแผนนี้จะสามารถรักษาผู้ป่วยโควิดได้อย่างครบถ้วน และหากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อคลี่คลายลงแล้ว สถานที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศหรือในส่วนแรกรับ จะเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สะดวกในการลงทะเบียนตามแพลตฟอร์มออนไลน์
นอกจากนี้ นายอนุชา ยังกล่าวถึงการประกาศยกระดับของ ศบค. ที่เป็นการขอความร่วมมือแทนการล็อกดาวน์ ซึ่งมีข้อสงสัยว่าจะได้ผลในการควบคุมโควิด-19 หรือไม่ว่า หากประชาชนมีความร่วมมือ จะสามารถทำให้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ลดลงไปได้ และทำให้การทำกิจกรรมต่างๆ และประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ในเรื่องยา เวชภัณฑ์ ที่ใช้รักษาโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมีความพร้อมในทุกเรื่อง มีการนำเข้าสำรองและสต๊อกไว้เพิ่มเติมแล้ว สำหรับมาตรการเยียวยาและกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ได้มีการวางแผนมาตรการต่าง ๆ แต่การออกมาตรการทั้งหมดต้องดูจังหวะเวลาที่ประชาชนสามารถออกมาจับจ่ายใช้สอยได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอพยาบาล เจ้าหน้าที่ส่วนหน้า ทุกคนและประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการดูแลสุขภาพตัวเองและความร่วมมือกิจกรรม ทั้งการทำงานที่บ้าน หรือ เวิร์กฟรอมโฮม (wfh) การลดการเดินทางหรือการลดรวมกลุ่ม ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอขอบคุณความร่วมมือของทุกคนและขอให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา โควิด-19 ในปัจจุบัน