xs
xsm
sm
md
lg

KBank Private Banking ชี้แนวทางจัดพอร์ตได้ผลตอบแทน พ่วงผลเชิงบวกต่อโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้โอกาสครั้งสำคัญกับการลงทุนในหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี พร้อมๆ กับที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ผ่านกองทุน K-CHANGE ที่เน้นลงทุนใน กว่า 30 บริษัททั่วโลกที่มีการดำเนินธุรกิจที่สร้างผลเชิงบวกต่อสังคมและช่วยให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนใน4 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม สังคม และนี่คือมุมมองต่อเทรนด์ Positive Impact Investing รวมทั้งกลยุทธ์ในการเลือกบริษัทที่จะคัดสรรการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว 

นายชาญณรงค์ กิตินารถอินทราณี Director, Assistant Head of Financial Advisory, Private Banking Group, ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า หลังจากเริ่มมีการทะยอยฉีควัคซีนทั่วโลก จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรปก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี และนั่นก็ได้ส่งกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดทั่วโลกผันผวน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์ด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินแบบดิจิทัล หรือการดูแลรักษาสุขภาพ ที่เป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอีกในระยะยาว 

Baillie Gifford ผู้จัดการกองทุนหลักของกองทุน K-CHANGE  ยังคงเฟ้นหาอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาแทนที่อุตสาหกรรมแบบเดิมๆ พร้อมทั้งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือความไม่เท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Baillie Gifford ก็ยังมีมุมมองต่อหุ้นรายตัวที่อาจจะให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป โดยไม่ไปแตะต้องธีมหลักอย่าง Positive Impact Investment เพราะเชื่อมั่นว่าแม้เศรษฐกิจจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลังจากวิกฤตโควิด 19 ผ่านพ้นไป บริษัทเหล่านี้ก็ยังสามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น 

บริษัทที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพ ที่สร้างระบบการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง เช่น 
Dexcom – บริษัทผู้ผลิตระบบตรวจระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข 
Pin An Insurance – บริษัทประกันสุขภาพที่ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ โดยเสนอการลดเบี้ยประกันและให้บัตรกำนัลร้านกาแฟเป็นรางวัล  

M3 – บริษัทปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพให้เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึง บริษัทที่มีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการ Work from home 

MercadoLibre – แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในละตินอเมริกา. 

Teladoc - บริการด้านสุขภาพทางไกล หรือหาหมอผ่านทาง Internet ในทวีปอเมริกาเหนือ ปัจจุบันมีคนไข้ที่ใช้บริการนี้มากขึ้น เพราะไม่ต้องเดินทาง เพิ่มความสะดวกสบาย 

Peloton –ขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย(จักรยานและลู่วิ่ง) พร้อมเนื้อหาออนไลน์เพื่อให้ผู้คนได้ออกกำลังกายที่บ้านแทนการไปโรงยิม   

นอกจากนี้ Baillie Gifford  มีมุมมองที่ดีต่อธีมการลงทุนนี้ โดยยังเชื่อมั่นในบริษัทที่ลงทุนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่หยุดคัดสรรและมองหาบริษัทใหม่ๆ เพื่อจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในการบริหารจัดการกองทุน และยังได้เปิดมุมมองต่อเทรนด์ Positive Impact Investing ในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยเชื่อมั่นว่า 

ธีม Healthcare and Inclusive Development – ที่จะมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะการเปิดโอกาสให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต 

ธีม Digital and Mobile Technology – การเพิ่มศักยภาพในการให้บริการที่จำเป็น อย่างเช่น ธนาคารที่สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เช่น การโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย SMS  

ธีม Sustainable Food and Agriculture – นวัตกรรมช่วยให้การเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้นผลผลิตเพิ่มขึ้น เช่น การใช้กล้องและข้อมูลเพื่อการใช้ยาและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แปลงจากพืชเป็นเนื้อ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และทำลายธรรมชาติน้อยลง  

ธีม Energy Transition – การเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลมและพลังน้ำ ซึ่งมีราคาถูกกว่า และทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้การจัดเก็บพลังงานนี้จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ 

KBank Private Banking เชื่อมั่นใน Positive Impact Investing เช่นเดียวกับ Baillie Gifford เพราะเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้ล้วนมีความชอบธรรมในการลงทุน มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน สิ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนก็คือแม้ว่าวิกฤตโควิด 19 จะกระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุน K-CHANGEในระยะแรก แต่สุดท้ายกสามารถพลิกผลตอบแทนกลับมาได้อย่างโดดเด่น   

ตั้งแต่จัดตั้ง กองทุน K-CHANGE ให้ผลตอบแทนที่ 105% (ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2021) และแม้จะมีการปรับตัวลงกว่า 16% ในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา แต่คาดว่าความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้คนทั่วโลกที่ได้รับความสะดวกสบายจากการพึ่งพาเทคโนโลยี และความร่วมมือจากทั่วโลกเพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Growth กลับมาเติบโตอีกครั้ง  และในระยะ 5  ปี คาดว่ากองทุน K-CHANGE จะสามารถกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีได้  
กำลังโหลดความคิดเห็น