รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “แม่กัญ” แม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งตนเองไม่เพียงมีหลายโรครุมเร้า แต่ยังต้องดูแลลูกสาววัย 10 ขวบที่สมองพิการติดเตียง ด้วยการขายอาหารตามสั่งเพื่อให้มีเงินรักษาลูก
ศศินันท์ สีทอง หรือแม่กัญ มีครอบครัวและลูกขณะเป็นนักร้องที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังตั้งครรภ์ สามีให้เธอหยุดทำงาน แต่สถานการณ์เริ่มส่อเค้าว่า ลูกในครรภ์อาจพิการ ตั้งแต่อายุครรภ์ได้เพียง 3-4 เดือน
“พอประมาณ 3-4 เดือน หมออัลตราซาวน์รู้ว่าน้องผิดปกติ เขาก็แจ้งเรา เพราะน้องมีโครโมโซมผิดปกติคู่ที่ 18 มีน้ำคั่งในสมองที่ส่วนหน้าทั้งหมด”
ขณะที่หมออธิบายให้ฟังถึงปัญหาของลูกที่จะเกิดในวันข้างหน้า เพื่อให้แม่ตัดสินใจว่า จะยุติการตั้งครรภ์หรือไม่?
“ตอนแรกหมอก็จะวางแผนกับนักสังคมสงเคราะห์ วางแผนกับเราว่า ถ้าอนาคตน้องเป็นอย่างนี้ แม่ก็ต้องทำใจอย่างนี้ นักจิตเวชก็ต้องมาคุยกับเราใช่ไหมว่า แม่จะทำใจได้ไหมถ้าวันหนึ่งน้องไม่คลาน ไม่เดิน เป็นอย่างนี้ หรือน้องช็อกน้ำหัวโต เพราะเคสเขาจะต้องหัวใหญ่ๆ ถ้าถึงสภาวะที่เขาหัวใหญ่ๆ ขึ้นมา แล้วหน้าตาเขาเปลี่ยนไป เราจะทำยังไง จะทำใจได้ไหม”
ตัดสินใจเก็บลูกไว้ เพราะมองว่า ลูกไม่ได้ผิดอะไร ขณะที่สุขภาพแม่เริ่มทรุด หลายโรครุมเร้า!!
“หนูก็คิดว่า เขาไม่ได้ผิดอะไร แต่มันมาทรุดตรงที่ เรากินไม่ได้ น้ำหนักเราเลยเหลือ 38 แล้วหมอบอกว่า เด็กเขาไม่กินสิ่งที่เรากินเข้าไป เขามากินยีน กินโครโมโซม กินเลือดเรา เมื่อเขาตัวโตมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งผอมลงมากเท่านั้น ร่างกายเราก็จะทรุด เพราะหนูเป็นทั้งหอบ เป็นทั้งโรคซึมเศร้า ข้าวปลาไม่กิน ไม่ทำอะไร”
“หลังคลอดน้อง เขาเข้าตู้อบ ส่วนหนู หมอต้องงัดรกออก 2 ชม. เพราะรกมันติดอยู่ข้างใน ไม่ยอมออก จนคลอดน้องได้ 9 เดือน เด็กไม่คว่ำ ไม่คลาน เอาแต่ร้องตลอดเวลา พอหมอทำซีทีสแกน แล้วน้องมีน้ำคั่งในสมองโดยส่วนมาก มีสมองแค่ 20% ด้านหลังที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเส้นบางๆ นั้นขาดไป เขาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่หมอบอกว่า เขายังอยู่นะ หนูเลยคิดว่า เขายังอยู่ แสดงว่าเขายังอยากสู้อยู่”
ตัดสินใจจบชีวิตคู่ เพื่อพาลูกมารักษาที่กรุงเทพฯ
“มันก็เริ่มมีปัญหาคลอนแคลนหลายอย่าง เราก็ต้องพาลูกไปหาหมอ เราทำงานไม่ได้ เราไม่มีรายได้ เราจะไปขอแต่เขา มันก็ยาก บางสิ่งบางอย่างเราเป็นคนเลือกเอง ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดจะแยกทางกัน หรือเลิกกันถาวร แต่หนูก็คิดว่า แก้มเขาต้องรักษา หมอที่กรุงเทพฯ เขาต้องรักษาได้สิ หมอกรุงเทพฯ เขาเก่งนะ หนูต้องการพาลูกมากรุงเทพฯ เสร็จแล้วเขาไม่เห็นด้วย หนูเลยพาลูกหนีมา มาอยู่ที่อ่อนนุช กรุงเทพฯ กับคนรู้จัก เพื่อจะเอาเขาไปรักษา ตอนแรกๆ ก็ลำบากอยู่”
แม่กัญตัดสินใจกลับไปทำงานกลางคืนอีกครั้ง เพื่อให้มีรายได้ โดยจ้างคนมาเลี้ยงลูก แต่ทำงานได้แค่ 2-3 เดือน ก็ต้องออกมาดูแลลูกสาว
“น้องช็อกน้ำ ไข้ขึ้น 42 ต้องผ่าตัดสมองด่วนตอนนั้น แล้วเงินเราก็ไม่มี หนูก็ต้องออกจากงานมา มาดูแลเขาหลังผ่าตัด ไปๆ มาๆ ติดวัณโรคอีก เขาติดวัณโรคตอนผ่าตัดสมอง ติดกับเด็กเวียดนามข้างเตียง ก็เอามาติดเรา เราเคี้ยวข้าวแล้วป้อนเขา น้ำลายต่อน้ำลาย ก็เลยติดกัน แล้วรักษา พอเราออกจากงานมา ของหนูรักษา 9 เดือน ของเขารักษา 6 เดือน”
เมื่อหายจากการป่วย แม่กัญหารายได้ด้วยการเก็บขยะขาย เพราะไม่มีงานประจำแล้ว
“เคยที่ไม่ได้กินข้าวเลย เป็น 1-2 อาทิตย์ ซื้อแต่มาม่ากิน เพราะเราต้องเก็บเงินไว้ เผื่อค่ารถลูกไปหาหมอ โน่นนี่นั่น”
กำลังใจเริ่มมา หลังเห็นรอยยิ้มลูก
“แก้มได้กินข้าวมื้อแรก 1 ขวบ 3 เดือน ตาเขามองไม่ค่อยเห็น เห็นลางๆ แต่เขาเริ่มยิ้มเป็น ยิ้มให้เรา แก้มหอม หนูทำอะไรอยู่คะ เขาก็จะยิ้ม ก็ทำให้เรามีกำลังใจขึ้น”
แม้ปัจจุบัน ลูกสาวจะอายุ 10 ขวบแล้ว แต่แม่ต้องคอยดูแล สังเกตอาการลูกตลอด หวั่นชัก ทำหัวใจหยุดเต้น
“แก้มหอมเขาผ่าตัดมา 10 ครั้ง มีอวัยวะเทียมที่หัว 2 ตัว หน้าท้องอีก 3 ตัว หน้าขาอีก 3 ตัว เดี๋ยว พ.ค.นี้ก็จะผ่าตัดอีกครั้งที่ 11 เขาวิกฤตตลอด เขาจะหลับแล้วหยุดหายใจ อยู่ๆ หลับแล้วเหมือนกับชัก หมอบอกเขาชักแบบสวยงาม กึ๊กๆ หลับไป ถ้ามือเริ่มเขียว ปากเริ่มเขียว คือเขาเริ่มชัก แล้วเขาจะหัวใจเต้นช้าลงๆ เคยใส่ท่อมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เพราะหายใจเองไม่ได้ ปอดติดเชื้อ อย่างหน้าท้องที่ผ่าตัดนี่คือ เขาไม่สามารถกินอาหารได้ กระเพาะอาหารไม่ทำงาน คือหยุดทำงานไปเลย ต้องให้สารอาหารทางเส้นเลือดดำ”
ในวันที่ยากลำบาก เหมือนฟ้ามีตา ได้รับพระราชทานทุนในโครงการสร้างชีวิตใหม่จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2559 จำนวน 10,000 บาท
“ท่านประทานทั้งเงินทุนและโอกาสและแรงผลักดันให้เราสู้ ท่านบอก สู้ๆ นะคุณแม่ คนเราชีวิตไม่ได้มีแค่นี้ อย่างตัวเรา เราไม่ได้มีแค่นี้ คุณแม่ก็ต้องสู้ๆ ความรู้สึกตอนนั้น หนูคิดว่า แก้มเขาเป็นเด็กที่มีบุญ และทำให้เราได้เจอพระองค์ท่าน เพราะอย่างเรา น้อยมากที่จะได้ไปเจอท่าน”
แม่กัญเช่าห้องพักอยู่ที่เดียวกับน้องสะใภ้ที่ย่านรามคำแหง 55 และประกอบอาชีพขายข้าวไข่เจียวและอาหารตามสั่ง เมื่องานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องดูแล จึงสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนช่วยๆ กันดูแล รวมทั้งติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้อง เพื่อที่เวลาแม่กัญขายอาหาร จะได้ดูความเคลื่อนไหวของลูกผ่านโทรศัพท์มือถือได้ หากเกิดอาการผิดปกติ จะได้รีบกลับไปดูแล
โรครุมเร้า “แม่กัญ” ไม่ใช่แค่ซึมเศร้า!!
“หนูตอนนี้ หอบก็เป็นอยู่ ล่าสุดเริ่มถ่ายเป็นเลือด บางวันออกจนเรามือชา เท้าชา สภาพจิต ก็หาหมอจิตเวชอยู่ (ถาม-เป็นมานานหรือยัง?) หมอคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นตั้งแต่ตอนแม่เสีย ตั้งแต่ 20 กว่าปี แต่เหมือนเราไม่ยอมรับว่าเราเป็น ไม่ได้ไปหาหมอ ไม่ได้ไปรักษา พอมามีแก้ม หมอก็ระบุว่าเป็น หลังๆ เราคิดว่า เราหยุดเลยดีไหม เราฆ่าเขาเลย แล้วก็ฆ่าตัวเอง”
เหตุผลที่ไม่เลือกทำแท้งตั้งแต่แรก ทั้งที่รู้ว่าลูกจะออกมาพิการ?
“เพราะตอนเด็กๆ แม่หนูไม่เคยดูแลหนู แม่ไม่รัก แม่ไม่สนใจ ข้าวแม่ไม่เคยป้อนเลย กอดครั้งสุดท้ายเหรอ จำไม่ได้ แต่หนูเป็นคนที่รักเขามาก หนูให้ทุกอย่างกับแม่เหมือนกัน ตอนที่แม่ยังไม่เสีย แม่อยากได้อะไร ให้หมด เงิน ทำงานมา ได้เท่าไหร่ ให้แม่หมด เมื่อหนูมีลูก หนูเอาตรงนี้มาเติมเต็มตัวหนูเอง ในเมื่อแม่ไม่เคยให้อะไรเรา แต่เราให้ลูกเรา เพื่อเติมเต็มจิตใจเราด้วย”
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ยังจะเก็บลูกไว้หรือไม่?
“ถ้าให้ย้อนกลับไป หนูก็เลือกเก็บเขาไว้เหมือนเดิม เขาไม่ได้ผิดอะไร อาจผิดที่ว่า ตัวเราไม่แข็งแรง ทำให้เขาผิดปกติด้วย หรือเมื่อก่อนหนูจะโทษตัวเองว่า หนูกินเหล้า เที่ยว เพราะเราทำงานกลางคืน อาจเป็นเพราะเราไปกินตรงนั้นหรือเปล่า เขาเลยผิดปกติ มันเป็นความผิดของเรา เราก็ต้องดูแลเขา เพื่อให้เขามีความสุข อย่างน้อยให้เขาได้เห็นทุกอย่างที่เด็กคนอื่นได้เห็น เขาได้ไปในที่ที่เขาไม่เคยไป”
ถ้าวันใดคนใดคนหนึ่งต้องจากโลกนี้ไป จะทำอย่างไร?
“หนูถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ถ้ามันถึงวันนั้นจริงๆ เขาก็ป่วยอย่างนี้ หนูก็ป่วยอย่างนี้ หนูก็ถือว่า หนูได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว ในระยะเวลาที่เราดูแลกันมา เขาก็ดูแลเราทางด้านจิตใจ เราก็ดูแลทางด้านจิตใจและร่างกาย หนูถือว่าหนูได้ต่อสู้และทำดีที่สุดแล้ว คงแล้วแต่เวรแต่กรรมเป็นตัวตัดสินว่า เราควรจะเป็นยังไงต่อไป”
คลิปชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “แม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจแกร่ง”
https://www.youtube.com/watch?v=aUVmbFZRrUc&t=34s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos