xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดEECเร่งพัฒนา 5G รับต่างชาติย้ายฐานมาไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมการ อีอีซี เร่งผลักดันการพัฒนาระบบ 5G รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ และการย้ายฐาน 5G มาไทย มั่นใจยอดลงทุนปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบภาพรวมการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ปี 2563 มีทั้งสิ้น 453 โครงการ มูลค่าการลงทุน 2.08 แสนล้านบาท คิดเป็น 43% ของการขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ ในจำนวนนี้ เป็นการลงทุนหลักจากต่างประเทศ 1.15 แสนล้านบาท คิดเป็น 55% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในพื้นที่อีอีซี โดยนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น ,จีน และเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นนักลงทุนต่างชาติ 3 อันดับแรก ที่เข้าลงทุนในพื้นที่อีอีซี

ส่วนภาพรวมในปี 2564 คณะกรรมการ อีอีซี เร่งรัดให้สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุนให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ไม่รวมโครงสร้างพื้นฐาน 1 แสนล้านบาท พร้อมเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงการเพิ่มความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การจัดระบบบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ One Stop Service และ Single Window อำนวยความสะดวกพิธีการศุลกากรต่างๆ การกำหนดอัตราภาษีที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ เร่งดำเนินการเรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ให้เกิดการลงทุนรวมอุตสาหกรรมใหม่

นายคณิศ กล่าวว่า คณะกรรมการ อีอีซี อยู่ระหว่างผลักดันการใช้ประโยชนจาก 5G และการลงทุนพัฒนาระบบ 5G ในพื้นที่อีอีซี เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยคาดว่า กลางปีนี้ จะมีต่างชาติ ย้ายฐาน 5G มาประเทศไทย

ขณะนี้การพัฒนา5Gในพื้นที่อีอีซี มีความคืบหน้าแล้ว 4 ด้าน คือ 1. ด้านโครงสร้งพื้นฐาน จากสัญญาณสู่ข้อมูลกลาง ติดตั้งแล้วเกิน 80% ของพื้นที่ ,ด้านสัญญาณ ได้ติดตั้ง ท่อ เสา สาย และสัญญาณ โดยร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สดช.และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ประสานให้เกิดต้นทุนต่ำสุด ด้วยการใช้เสาอัจฉริยะ(smart pole) ร่วมกัน และการลงทุนเสาเพิ่ม เพื่อให้เช่า รวมทั้งกำหนดราคาต่ำสุด เพื่อให้สะท้อนความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ

ด้านข้อมูลกลาง ร่วมกับ สดช.กำหนดให้ข้อมูลภาครัฐ รวมอยู่ในคลาวด์ภาครัฐ (Government Cloud) โดยพื้นที่อีอีซีจะสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) และร่วมกับกระทรวงดิจิทัล ปรับข้อกฎหมาย นำข้อมูลคลาวด์ภาครัฐและภาคเอกชนเฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยได้ จัดทำข้อมูลกลางเพื่อธุรกิจในอนาคต (Common Data Lake) ในพื้นที่อีอีซี

2.ด้านการใช้ประโยชน์ : ก้าวสู่ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มผู้ใช้ 5G ในภาคการผลิต ผลักดันภาคธุรกิจ โรงงานในพื้นที่อีอีชี 10,000 แห่ง โรงแรม 300 แห่ง หน่วยราชการ สถานศึกษา โรพยาบาล กลุ่ม SMEs ให้มาใช้ 5G พร้อมเริ่มนำร่องใช้ 5G บริเวณสัตหีบ สนามบินอู่ตะเภา นิคมฯมาบตาพุด และบ้านฉาง นำ 5G สร้างประโยชน์ชุมชน ให้ชุมชนใช้ประโยชน์ 5G สูงสุด ผลักดันให้บ้านฉาง ก้าวสู่ตันแบบชุมชนอนาคต (Smart city) รวมทั้งนำ 5G มาใช้ประโยชน์แผนพัฒนาภาคเกษตร เกิดระบบเกษตรอัจฉริยะ (precision farming) และสนับสนุนการใช้ดิจิทัลเพื่อดูแลสุขภาพชุมชน สร้างธุรกิจใหม่จาก 5G ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ 5G ในการพัฒนาหุ่นยนต์ และระบบออโตเมชั่น ส่งเสริมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านดิจิทัลและการใช้ข้อมูล และส่งเสริม Star up ทำแอปพลิเคชันด้านหุ่นยนต์และออโตเมชั่น

3.ด้านการพัฒนาบุคลากร เยาวชนไทย คือหัวใจ 5G โดยผลักดันเอกชน และสนับสนุนให้ทุกบริษัทที่จะมาลทุงนด้านดิจิทัล ให้เข้ามาร่วมลงทุนการพัฒนาคน โดยเน้นผลิตบุคลากรที่มีทักษะตามความต้องการของเอกชน (Up-Re-New รkil ตั้งเป้าหมาย 3 ปี (2564 - 2566) รวม 115,282 คน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 8392 คน มีแผนในปี 2564-2565 จำนวน 62,890 คน และประสานกับบริษัทชั้นนำ เช่น Huawai, HP ผลิตบุคลากรร่วมกันอย่างน้อย 44,000 คน

4.ด้านการมีส่วนร่วม และประชาสัมพันธ์ สร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ทุกภาคส่วน ให้เกิดการรับรู้การใช้ประโยชน์จาก 5G และร่วมพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน

ที่ประชุมฯ ยังรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานในส่วนของโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) เพื่อรองรับการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่ EEC  โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจจัดทำระบบห้องเย็นระหว่าง สกพอ., บมจ.ปตท. (PTT) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เกิดกลไกความร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีห้องเย็นที่ทันสมัย เพื่อสร้างรายได้ดีต่อเนื่องให้เกษตรกร นำร่องด้วยทุเรียน ผลไม้ที่สร้างรายได้หลักของไทย ซึ่งขณะนี้ สกพอ.ร่วมกับ อบจ.ระยอง เตรียมจัดทำระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ และกลุ่มสหกรณ์ ที่พร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยระยะแรกจะคัดเลือกจากกลุ่มชาวสวนทุเรียนที่ได้รับมาตรฐานสากลสำหรับส่งออก (จีเอพี) โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้น 20-30%
กำลังโหลดความคิดเห็น