วายแอลจี เผยทองคำมีสัญญาณปรับตัวลดลงในระยะสั้น หลังมีปัจจัยลบฉุด ทั้งราคาโลหะเงินดิ่งรับเหตุการณ์นักลงทุนรายย่อยดันราคา ก่อนจะถูกสะกัดด้วยมาตรการเรียกหลักประกันเพิ่ม ส่งผลให้ราคาโลหะเงินปรับลดลง ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ กลับมาแข็งค่า หลังสหรัฐได้รับวัคซีนโควิด-19 ในอัตราสูงกว่าฝั่งสหภาพยุโรป แนะใช้จังหวะทองพักฐาน เข้าซื้อเพื่อทำกำไร
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEXเปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2564 ราคาทองคำในตลาดโลก ค่อนข้างแกว่งตัว และมีทิศทางปรับฐานในระยะสั้น สาเหตุหลักมาจากการได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าอย่างต่อเนื่องนับแต่ต้นปี 2564 หลังจากที่เคยอ่อนค่าอย่างหนักในปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การควบคุมการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐมีปัจจัยบวกเรื่องของการส่งมอบวัคซีนได้ในจำนวนมาก
ในขณะที่สหภาพยุโรปกลับมีข่าวการเลื่อนการส่งมอบวัคซีนออกไปจึงทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า รวมถึงนักลงทุนยังเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินปลอดภัย
อีกปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลง มาจาก Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาฟิวเจอร์สขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศเรียกเพิ่มอัตราวางหลักประกันเ ( maintenance margin) เพื่อสะกัดการปั่นราคาของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับนักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปดันราคาหุ้น Gamestop เข้ามาดันราคาโลหะเงิน แต่หลังจาก CME ประกาศเพิ่มเงินวางหลักประกันทำให้ราคาโลหะเงินปรับลดลงมา หลังจากที่ก่อนหน้าได้พุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี ปรากฎการณ์นี้ จึงส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน
ถึงแม้ว่า นักลงทุนรายย่อย จะเริ่มเบนเข็มออกจากการเข้าไปดันราคาโลหะเงินแล้วแต่ก็ยังต้องจับตามองว่าราคาโลหะเงินจะปรับลดลงต่อหรือไม่ ส่วนมาตรการวางหลักประกันเพิ่มนั้นเชื่อว่าจะเกิดขึ้นแค่ในระยะสั้น
นางสาวฐิภา กล่าวว่า แม้ราคาทองคำจะมีแนวโน้มพักฐานในระยะสั้นแต่ระยะยาวยังมีสัญญาณไปต่อ โดยระหว่างวันก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงค่อนข้างกว้าง จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ แต่ต้องตั้งจุดตัดขาดทุน ในช่วงสั้นๆจะยังเห็นการปรับตัวลงอยู่ สำหรับนักลงทุนระยะกลางระยะยาวสามารถทะยอยซื้อได้ถ้าหากปรับลงมาที่แนวรับ 1,818 -1,800ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 25,800 - 25,550 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวต้านที่สามารถขายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 1,856 -1,875 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 26,400-26,650 บาทต่อบาททองคำ
ล่าสุด YLG ได้เพิ่มทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในโลหะเงิน ผ่าน TFEX Silver ผ่านการลงทุนซิลเวอร์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส(Silver Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายโลหะเงินล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันตลาด Silver Online Futures ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจากโลหะเงินเป็นแร่ที่มีความจำเป็นต่อหลายอุตสาหกรรม และมีขนาดตลาดที่ใหญ่มีผู้ซื้อเพื่อนำไปใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องประดับทั่วโลก
นักลงทุนที่สนใจการลงทุนทองคำและโลหะเงินในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ดูรายละเอียดได้ทางwww.ylgfutures.co.th