ส่งออกไทยเดือนธันวาคม 2563 พลิกกลับมาเป็นบวก 4.7% ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน กระทรวงพาณิชย์ มั่นใจปีนี้ ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% ได้แรงหนุนจากการกระจายวัคซีนต้านโควิด และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปิดตลาดมากขึ้น
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือ สนค. รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม 2563 พบว่า ส่งออกไทย มีมูลค่า 20,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.71 % กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 8 เดือน และมีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 22 เดือน ส่วนการนำเข้าธันวาคม 2563 มีมูลค่า 19,119 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 3.62% ส่งผลให้ดุลการค้าธันวาคม 2563 เกินดุล 963 ล้านดอลลาร์ฯ
ขณะที่ภาพรวมส่งออกไทยทั้งปี 2563 มีมูลค่า 231,468 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 6.01 % ,การนำเข้ามีมูลค่ารวม 206,991 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ12.39% ส่งผลให้ดุลการค้าปี 2563 เกินดุล 24,476.55 ล้านดอลลาร์ฯ
นางสาว พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่หลายประเทศบริหารจัดการได้ดีขึ้น พร้อมทั้งประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นบางพื้นที่ ทำให้ภาคการผลิตและการขนส่ง ยังดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ ผลจากการระดมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า และการกระจายวัคซีนในหลายภูมิภาค ก็ช่วยกระตุ้นอุปสงค์และสร้างความเชื่อมั่น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลก รักษาทิศทางการฟื้นตัวได้
สนค.คาดการณ์ส่งออกไทย ปี 2564 จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% ด้วยมูลค่า 204,727 ล้านดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุนจากการกระจายวัคซีนทั่วโลก ประกอบกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่คาดว่า จะกลับมายึดถือตามกติกาขององค์การการค้าโลก(WTO) จะช่วยให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งจากสงครามทางการค้า เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ส่วนปัจจัยลบ ที่มีผลต่อการส่งออก คือ เงินบาทที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้น กระทบการแข่งขันสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่อราคา และอุปสรรคด้านการขนส่ง จากปัญหาขาดแคลนตู้สินค้า ทำให้ผู้ส่งออกมีภาระต้นทุนด้านโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว รวมทั้งอุปสรรคในการเจรจาความตกลงการค้า เช่น CPTPP ซึ่งไทย ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทำให้สินค้าส่งออกของไทยในอนาคต อาจมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียแต้มต่อด้านภาษีนำเข้า และเสียเปรียบคู่แข่งขันในภูมิภาคเดียวกัน
